ธันวาคม 28, 2550

Happy New Year 08

Dear all readers,

I've been writing this blog for a couple of years so I think I should give
you some happy lucky deedy doo to you all. Wish you have good life, good
friends, good work, good hobby, good health and for all, don't betray your
love friend.

Love you all,

Nhephex!!!

ธันวาคม 25, 2550

new year.. new life .. new style of life ... new .... new

จะพยายามเปลี่ยนแปลงครับ

หลายอย่างในชีวิตในปีที่ผ่านมายอมรับว่าไม่ดี
อยากแก้ไข และทำอะไรดีๆให้กับตัวเองบ้าง
อย่างน้อยที่สุด เรื่องการออกกำลังกาย อยากให้เข้มงวดกับตัวเองกว่านี้
ไม่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอ
เพื่อการดำรงอยู่ของชีวิต

ธันวาคม 23, 2550

เมื่อไหร่น้องจะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของพี่ดังเดิม

ถึงน้องตีหัวเขียว

เมื่อไหร่จะเลิกนินทาลับหลังกับเพื่อนที่มาสนิททีหลัง
เพราะมันแค่เดินไปส่งเอารถและให้ขนมไหว้พระจันทร์ที่แม่ทำมาให้เสียที
ขอบคุณ

กุ๊กไก่กระโดดตบ หุหุหุ

ธันวาคม 21, 2550

Art is MY COLLEAGUE ... so what you mXXX fXXER!

Happy?

Enjoy?

Go to hell you bastard.

You know who you are ?

I know what you do?

I do what you fear?

So what?

You mxxxx fxxxer!!!

ธันวาคม 19, 2550

Art is?

ศิลปะเป็นสิ่งสวยงามในใจคนที่ซึมซับมันเข้าไปได้ในความเข้าใจของตัวเ
เป็นปัจเจก ไม่ใช่มวลรวม

งานศิลปะที่ดีคืออะไร ถ้าไม่ใช่กำหนดด้วยปัจเจก
ผมไม่เชื่อว่างานที่ขายได้เยอะๆ หรืองานที่ได้รับรางวัลมีค่ากว่า
งานที่ทำออกมาแล้วคนส่วนมากไม่ชอบ
หากแม้นไม่ใช่เรื่องของการทำร้าย เรื่องเลวทราม
เชื่อเหลือเกินว่า บางคนอาจเห็นค่าสิ่งนั้น แม้คนอื่นราวถูกบังตา
ผมเชื่อจริงๆ

ธันวาคม 18, 2550

ยังโลกนี้เพียงมีใคร

ความฝัน ภาพที่... ดำเนินต่อไปในสมองยามนั้น
ฝันที่ว่า ฝันเกี่ยวกับ โลกที่ผมอยู่ มีเพื่อนที่ผมรัก ที่อยู่ข้างผม

ฟ้ายังคงมีสีเทาผสมในกลุ่มเมฆบนหัว
ดินยังผสมด้วยทราย เศษกระดาษ และขี้บุหรี่!

ผมไม่หวังอะไรจากใคร เพราะภาพที่เห็น ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
เธอยังคงเป็นเธอ เพื่อนที่จากไป...

ถ้าเรายังอยู่ด้วยกันที่นี่
วันที่ผมมีงานเพลงออกมาจริงๆ
เธอจะรู้สึกอย่างไร...?

ธันวาคม 17, 2550

ฮ่องกง 2007

ระหว่างวันที่ 11-15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวฮ่องกง
เป็นการไปฮันนีมูนครั้งที่ 3 โดยเว้นช่วงปีที่แล้วไม่ได้ไป เพราะเป็นช่วงที่ลูก
สาว
สุดน่ารักเกิดมา เลยงดเที่ยวกันปีนึงครับ

บรรยากาศที่ฮ่องกงย้งคงเหมือนเดิม รู้สึกว่า เป็นที่ที่มีดีกว่าการ Shopping
ถ้าเรารู้จักเลือกจะใช้เวลาที่นั่น แต่ที่แน่ๆ ไปคราวนี้ เหมือนไปเที่ยวสวนสนุก
โดยไปทั้ง Disney Land และ Ocean Park

สำหรับข้อสรุปคือ Ocean Park ทำดีกว่า ใหญ่กว่า มีของเล่นหลายระดับ
คือมีทั้งแบบหวาดเสียวมากๆ และแบบเด็กๆ อย่างชิงช้าสวรรค์
และยังมีสวนสัตว์ อาหารขายหลากหลายกว่า
คือดีกว่าในแง่ของ Feature แต่เหมาะกับวัยรุ่นหรือวัยที่ยังสนุกหนักๆไหว

ส่วน Disney เล็กกว่า แพงกว่า สู้ Disney ของประเทศอื่นๆ ไม่ได้
(โดยเฉพาะที่ Florida ที่ใหญ่และเจ๋งมากๆ)
ของเล่นก็เด็กๆ ไม่มีสวนสัตว์ บัตรแพงกว่า Ocean Park อีกด้วย

แนะนำไปเลย สำหรับคนยังไม่เคยเข้าทั้งสองที่
Ocean Park คือคำตอบสุดท้ายครับ (ผมให้ 5 ดาว ดิสนี่ให้ 3 ดาว)

:)

ธันวาคม 07, 2550

ทำไมคนเลวตายยาก คนดีตายง่ายดาย

ผมคิดว่า ผมเป็นคนเลว ผมทำในสิ่งเลวทั้งที่รู้ว่ามันเลว มันผิด มันไม่ดี
ผมคิดว่า ทำไม บางคนที่เป็นคนดี ที่มีความดี คิดดี ทำดี แบบเพื่อนผม
ต้องประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในวันที่ผมกับภรรยา ไปดูหนังเรื่องแรกด้วยกัน
เมื่อประมาณเกือบ สิบปี ก่อน

ผมคิดว่า สวรรค์ไม่ต้องการให้คนดีใช้กรรมนานนัก
คนดีต้องตายเร็วเสมอ ทำดีมาก ก็อยู่ในโลกนี้น้อย เพราะต้องไปเสวยสุขในสวรรค์แทน
คนเลว ต้องรับใช้กรรม ที่ตัวก่อ ต้องอยู่ในโลกนี้ต่อไป รับรู้ความเจ็บ ความ
เศร้า ต่อไป
มันฟังดูไม่ค่อยแฟร์เลยใช่ไหม หรือว่าผมคิดผิด?

ในความร้อนของฤดูหนาว

นี่คือฤดูหนาวใช่หรือไม่
นี่คือลมหนาว ลมแห่งความหนาวเย็น
แสงแดดตอนกลางวันคือความร้อนระอุ
เธอกำลังกลับไปสู่ตัวตนที่เธอเป็น
ความเย็นในใจ คือความร้อนในกาย
โอกาสเสี่ยงสูง ถ้าทำร้ายจิตใจ
พบความสุขได้แม้ต้องพรากจากเพียงชั่วคราว
หรือว่านี่คือความร้อนของฤดูกาล

เราไม่มี Cool Pad... แบบ USB

ธันวาคม 06, 2550

สุสานเสื้อผ้าไร้คนเหลียวแล

ผมเดินที่แพลตตินัมประตูน้ำกับหุย เธอกำลังเดินเลือกเสื้อผ้า
สายตาผมเหม่อลอย มองไปที่เสื้อผ้าจากหลายร้าน
บางชุดผมมองแล้วไม่สวยเลย และผมก็หลับตาลง

...

จริงๆแล้ว หลังจากร้านปิด เสื้อผ้าที่ไม่มีคนซื้อเกิน 30 วัน
จะถูกขนไปส่งที่สถานที่มืดทึบ ไกลผู้คน เรียกกันว่า
สุสานเสื้อผ้าไร้คนเหลียวแล

เสื้อผ้าดีไซน์ห่วย แม้แต่คนไม่มีรสนิยมที่สุดก็ไม่ซื้อไปใส่
จะถูกนำมากองรวมกัน และส่งไปที่สุสานแห่งนี้
เพียงเพื่อปลดปล่อยวิญญาณของพวกมัน
ให้เร่ร่อนไร้ร่างสิงสถิต

...

ผมลืมตาอีกครั้ง... จดสิ่งที่เห็นลง PDA phone
แล้วนำกลับมาบันทึกในบล็อก...

ขอให้ดวงวิญญาเสื้อผ้าดีไซน์ไม่เอาไหน สีเห่ย

ไปสู่สุขคติ... เถิด

ธันวาคม 03, 2550

คำสัญญากับตัวเอง

ไม่มีน้ำใจให้
ไม่จำเป็นไม่ต้องตอบ
ไม่จำเป็นไม่ต้องถาม
ไม่จำเป็นไม่ต้องให้อะไร แม้จะขอ ต้องปฏิเสธ

ความจริงคือ เรามีชีวิตอยู่อย่างทรมานในโลกนี้อยู่แล้ว
ทำไมยังต้องไปทำอะไรเพื่อคนเลวที่คอยด่าลับหลังเรา
ทั้งๆที่เราดีด้วย?

แบบนี้จะทำไปเพื่ออะไร

ฉันยังเป็นเด็กน้อย....

น่าจะเป็นเพราะผลกรรม
ทำให้เรารู้แล้วว่า ความจริงคืออะไร
ก็ดีเหมือนกันที่

วันนี้ เพื่อนคนเดียวที่เหลืออยู่ไม่มา
เราต้องข้ามวันนี้ให้ได้
ซักวัน .. ความฝันกับความจริง
คงทับซ้อนกันได้จริง
เหมือนสมัยที่เราเคยมี

ธันวาคม 02, 2550

การบันทึกเสียงใต้ฝุ่นแบนด์กีตาร์ จบลง ประสบการณ์ดีๆ ไม่หายไป

วันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นการอัดเสียงกีตาร์ส่วนสุดท้าย
ปิ๊กกิ้ง (เกา) เพลง Bad Bangkok Blues ที่ผมถือว่า
เป็นงานที่โหดที่สุด เพราะต้องแกะ Demo ตัวเอง
มาเป็นโน้ตดนตรี (แบบที่ตัวเองเข้าใจ เป็นการผสมระหว่าง
โน้ตแบบ tab กับ การเขียนแบบเข้าใจคนเดียว (ฮา) โดยมี
กระชายช่วยผมแกะด้วย เมื่อวันศุกร์ ที่ 23 พ.ย. 50 ที่ห้องอัดเสียง
แล้วผมก็เอากลับไปซ้อมที่บ้านอาทิตย์นึง)

วันเสาร์ที่ 1 ธ.ค. กำหนด อัดเพลงนี้ โดยผมมาถึงห้องอัดเวลาประมาณ
บ่ายโมงสิบห้า มีการซ้อมและแก้ไข ส่วนบางส่วนที่ผมแกะ
แล้วจำส่วนการเล่นไม่ได้ จึงมีแต่โน้ต แต่ไม่รู้จังหวะ
กว่าจะได้เริ่มอัดเสียงจริงๆ ก็ประมาณบ่ายสี่โมง โชคดีที่
การหาตำแหน่งไมค์ เพื่อให้ได้ซาวน์ที่ต้องการ ทำได้รวดเร็ว(มาก)
เพราะเป็นตำแหน่งเดิมกับอาทิตย์ก่อนๆ คืออัดนอกห้อง (ปลายบันไดบ้าน)

ยอมรับว่า การเตรียมตัวมาดี ทำให้การอัด สามารถทำได้เร็วขึ้นจริง
แต่ส่วนที่เล่นไม่ได้ ก็ยังคงเล่นไม่ได้ (เล่นไม่ได้เพราะ กดไม่ไหวจริงๆครับ
เสียงเลยบอด ต้องอัดซ่อม จี้ที่จุดเสียๆ ดังกล่าว คอร์ดที่ว่า คอร์ด Fm)
การอัดช่างทรมานเป็นพิเศษ เพราะนิ้วที่มี ถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้
สามารถกดคอร์ด Fm แล้วไม่บอด ! ลองแม้กระทั่งให้ปริน
ช่วยกดเฟรตหนึ่งให้! (เห็นนิ้วปรินสั่นแล้วสงสารแท้ T_T)
เป็นปกติวิสัยของผมอยู่แล้วในการอัดกีตาร์ของวงไต้ฝุ่นแบนด์
ว่าผมเจ็บนิ้วง่ายมาก แต่แปลก เพราะการซ้อมมา ทำให้นิ้วผมทนขึ้นกว่าเดิม
และกีตาร์ที่ใช้อัดวันนี้ คือเจ้า ไอบาเนส เพื่อนยากของผมเอง (แข็งโคตรๆ แต่
ยังดีกว่าเจ้าออสติน ของห้องอัด ที่ผมยอมแพ้แต่โดยดี ไม่สามารถจริงๆ
เหมือนกดหินเลย แข็งแบบชาตินี้ต้องไปเล่นกล้ามนิ้วมาก่อน คงจะกดไหว ฮ่าๆ)

ผมว่างานนี้ เมื่อออกมาเป็นซีดี ผมคนหนึ่ง ที่มีความรู้สึกรักและผูกพันกับมัน
ไม่ใช่แค่ผมเป็นคนเตรียมดนตรี (หมายถึงทำนองแบบ Draft ๆ ) เท่านั้น
แต่เป็นเพราะ กว่าจะได้มาเป็นเสียงที่คุณได้ยินได้ฟังกัน นิ้วผม ถูกใช้ไปอย่างบ้าคลั่ง
เหมือนเอานิ้วไปออกรบที่สนามรบ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยสู้เรื่องความเจ็บนิ้ว
เวลาทำเพลง มักไม่พิถีพิถัน ไม่พยายามเล่นให้เพอร์เฟค แต่เล่นแค่ตัวเองยังไหว
ถ้ารู้สึกเจ็บปวดทรมาน มันไม่ใช่ความสุขแล้ว ดนตรีในความรู้สึกผม คือความสุข
หรือไม่ก็การระบายออกซึ่งอารมณ์ต่างๆ (มักจะไปในทางความรักซะ 90%)
ถ้าเมื่อไหร่มันแว้งกัดผมด้วยการเจ็บนิ้ว ผมจะหยุด และไม่ทำต่อ (ไว้ต่อวันหลังๆ)

ย้อนไปช่วงที่ผมตะลุยอัดกีตาร์ทั้งอาทิตย์ ตอนเย็นหลังเลิกงาน
คือ 20-24 ธ.ค. ตั้งแต่ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ถึงเที่ยงคืนหรือไม่ก็ห้าทุ่ม ไม่เร็วกว่านั้น
เป็นช่วงเวลาที่สุดยอดแห่งความ..เอ่อ จะเรียกว่าสุขปนทุกข์ปนง่วงดีมะ ฮ่าๆ
คือสุข ก็เพราะ มันเป็นงานที่ไม่ใช่งาน แต่เป็นการได้เล่นดนตรี เป็นสิ่งที่ตัวเองรัก
และเป็นโอกาสที่น้อยครั้งหรืออาจจะไม่มีซักครั้งในชีวิต ที่ได้ทำดนตรีจริงจังขนาดนี้
ต้องขอบคุณพี่คุ่นสำหรับข้อนี้ เพราะถ้าพี่คุ่นไม่สนใจทำดนตรีกับผม และรู้จักกับ
กระชาย ติดต่อให้เขาทำเพลงให้ ผมคงไม่มีวันนี้ สำหรับทุกข์ คือการที่ต้องทรมานตัวเอง
แทนที่จะได้อยู่บ้านตอนเย็น เพื่อหลับนอน ไปทำงานในวันถัดไป แต่ต้องอดทน ไปอัดเพลง
หลังเวลางานประจำ คือผมไม่ได้เอารถไปทำงาน ก็เลยต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปเอารถที่บ้านก่อน
หรือไม่ก็แวะไปเอารถที่บ้านแม่หุย (บางคืนหุยมาอยู่บ้านแม่ เพื่อหาน้องเฟย์ลูกสาว และเอารถมาด้วย)
ก่อนที่จะขับบึ่งไปลาซาน เพื่ออัดงาน กลับบ้านก็ไม่ต่ำกว่าเที่ยงคืน ทั้งอาทิตย์เลย
ดีที่ว่า เป็นเวลาแค่ห้าวันสุดโหด หลังจากนั้น ก็ได้พัก มาซ้อมเพลงสุดท้ายทั้งอาทิตย์
และความสุขปนทุกข์ดังกล่าว ก็ได้สิ้นสุดลงเสียแล้วครับ เพราะส่วนกีตาร์ผมหมดลงแล้ว
ที่เหลือตอนนี้ที่จะทิ้งช่วงให้กระชาย และปริน ตัดเพลงและอัดส่วนอื่นๆที่ยังไม่ครบก่อน
แล้วผมค่อยมาอัดต่อ ส่วนสุดท้ายที่ยังไม่ได้อัดไปเลยแม้แต่นิด
ก็คือส่วนของการร้องประสานเสียง ที่ผมรับปากกระชายว่า จะไปแกะส่วนวิธีการร้องประสาน
ให้เหมือนกับเดโม (อีกแล้วครับทั่น!) มาให้ได้ ฮ่าๆ เป็นความต้องการของพี่คุ่นนั่นเอง

แต่จริงๆนะ นี่เป็นอีกวิธีการทำเพลงที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย ทั้งชีวิตการทำงานเพลง
คือแต่ก่อน ผมแต่งเพลง ผมจะแบ่งเพลงของผมเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ แก่นเพลง
หมายถึงเมโลดี้หลักของเพลง หมายถึงทำนองการร้องนำ รวมทั้งส่วนที่เป็นท่อนลี้ด
ส่วนที่สองคือ ดนตรีประกอบ ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับดนตรีประกอบเลย
ผมถือว่า เล่นแต่ละครั้ง ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ผมทำเดโมแบบนึงไว้
ถ้าเวลาจะอัดจริง ผมก็เล่นใหม่อยู่ดี ตามแต่ที่ขณะนั้น หัวผมคิดอะไรได้ ซึ่งผมพลาดไป

การได้ทำงานกับกระชายและปริน มีความรู้ใหม่สำหรับผม นั่นคือ
กระชายให้ความเห็นว่า การทำเพลงร่างแรก มันจะสด และไอเดียร์ตอนนั้น
เป็นอะไรที่เราต้องให้ความสำคัญกับมัน เพราะมันจะเจ๋ง และจริง
ถ้าเราสามารถจับส่วนนั้นออกมาให้ได้เหมือนที่สุด ตอนทำเพลงจริงๆ
จะเป็นอะไรที่ดี และทำให้เพลงมีพลังเหมือนตอนที่มันกำเนิดมาในโลกนี้ (จากเรา)
ซึ่งผมว่าเป็นมุมมองใหม่สำหรับผม และผมก็จะพยายามคิดแบบนี้
จริงๆยังมีเพลงบางเพลงที่ผมไว้และผมอยากเอามาอัดใหม่ดีๆ
ซึ่งผมลองฟังเสียงดนตรีประกอบ ที่ผมทำไว้แบบตั้งใจ ผมว่ามันก็เจ๋งไม่เลวเลย
และยอมรับว่า แปลกดี ไม่มี pattern แน่นอน ฟังดูมั่วๆ แต่ลง
ถ้าเราเอามาเกลา โดยให้ความสำคัญกับมัน ผมว่าไม่เลวเลยจริงๆด้วย!

ก็คงเป็นการเล่าที่ค่อนข้างยาว เพราะไม่ได้อัพเดทบล็อคมานานแล้วด้วย
ถือว่าวันนี้มาอัพเดทแบบให้หายคิดถึงเลยแล้วกัน (มีใครคิดถึงด้วยเหรอเนี่ยฮ่าๆ)

ถ้าวันไหนไปอัดเสียงร้องประสาน จะมารายงาน (ไม่สด) ให้อ่านกันอีกครับ
บุญรักษา...ง่าาาาาาาาาาาาาา

พฤศจิกายน 30, 2550

เราเดินทางสู้ความไม่มีตัวตน

บนเส้นทางชีวิตที่กำลังก้าวไป
เป้าหมายคือการไม่มีตัวตน
ไม่มีตัวตนในที่นี้ คือไม่มีแม้แต่จิตวิญญาณ

ไม่มีจริงๆ เหนือไม่มีที่เราเข้าใจสิ่งที่ตรงข้ามกับ มี

นั่นคืออะไร ถ้าไม่ใช่..

พฤศจิกายน 29, 2550

แสงสะท้อนจากจอ

สวัสดีครับ
ผมคิดว่าวันนี้ผมแว้บมาเขียนบล็อกหน่อยนึง
ตอนนี้ผมซื้อโน้ตบุคใหม่แล้ว
เป็นยี่ห้อ โตชิบ้า ของชอบ
บริษัทจ่ายผ่อนให้เดือนละ 1400
เป็นเวลา 3 ปี ...

ผมมองที่จอสะท้อนแสงอีกครั้ง

รุม

งานเยอะ
อัดเพลงวันเสาร์นี้
ต้องเล่นให้ผ่าน
งานไต้ฝุ่นแบนด์
ดีเลย์แน่นอนครับ

พฤศจิกายน 21, 2550

จงลืม

จงลืม
สิ่งที่เกิด
จงลืม
สิ่งที่เป็น
จงลืม
สิ่งที่เห็น
จงลืม
....

จงลืม

ลมหนาว บอสตั้น

ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ผมนึกถึงวันนั้น.. วันที่ไปเดินที่ บอสตั้น วันที่ลมหนาวสามารถทำให้น้ำในแก้วเย็นกว่าน้ำแช่เย็นในเซเว่นเมืองไทย ลมหนาวที่พัดเอาความทุกข์ให้สลายไป

รายละเอียด จำไม่ได้ ผมรู้แต่ว่าผมนึกถึง และภาพที่อยู่ในความทรงจำคือการเดิน... เดินด้วยเท้า มีร้านอาหารเกาหลี หรือจีน ไม่แน่ใจ ในซอกตึกนั้น ผมพอนึกได้แล้วว่าผมไปกับภรรยาผม ถนนในบอสตั้น ทำให้เราหลงทาง แต่สุดท้าย ด้วยแผนที่ที่ Print จาก mapquest ก็ไม่เคยทรยศเราเกินไปนัก ผมสามารถรอดกลับมาอย่างปลอดภัย ใช่แล้ว ที่นั่นคือไชน่าทาว

บางครั้ง ผมควรอยู่อเมริกาต่อไปเรื่อยๆ แบบผิดๆถูกๆ .. บางที..

ความเงียบเหงาของความทรงจำในการเดินทางสู่สายหมอกแห่งความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

เสียงนาฬิกาบอกเวลา ดังติ๊กตอก ทำให้ผมมีความรู้สึกหนักใจ หนักใจในที่นี้ไม่ใช่ความหนักใจในการฟังเสียง แต่เป็นความหนักใจในการเดินตามความฝันที่ไม่เคยเป็นจริง..ไม่เคยหรือไม่มีวัน น้ำตาบอกความหมายอะไรกับเราได้บ้าง มันคือความเสียใจ ความดีใจ หรือความปลื้มปิติ ผมไม่สามารถบอกว่าทำไมตอนนี้มีน้ำตาไหลเอื่อยคลอในลำธารแห่งหัวใจ หัวใจที่บอบช้ำไปด้วยความผิดหวัง ความสมหวัง และความทุกข์ทรมานในสิ่งที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าคืออะไร คงเป็นสิ่งที่เหนือความคิด ความเข้าใจ เพียงเสียงนาฬิกาเท่านั้นที่อยู่ในหูเวลานี้ เสียงนาฬิกาเรือนโบราณจากร้านขายของเก่าในตลาดเจเจ วันเสาร์อาทิตย์ ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าอายุอานามเท่าใด หรือว่าผมคิดมากไป

เมื่อเราเดินทางไปในถนนที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งความเศร้า ยากนักที่เราจะมองเห็นเส้นทางอย่างกระจ่างชัด ไม่ว่าจะมีสิ่งใดอยู่ข้างทาง เราย่อมรู้ดีว่ามันไม่มีทางแน่ชัด บางที เราอาจมองเห็นหัวใจตัวเองได้ชัดกว่าสิ่งที่อยู่บนถนนที่เรากำลังเดินทางนี้ด้วยซ้ำไป บางที เป็นหัวใจเราเองหรือเปล่าหนอ ที่ทำให้มองไม่เห็นสิ่งต่างๆเหล่านั้น

ผมคงหลับตาได้ไม่สนิท เมื่อต้องรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ บางที สติ เป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าไร้สติ บางที ไร้สติ สอนให้เราไม่รับรู้สิ่งต่างๆ บางที สติทำให้เรารู้ตื่น รู้เบิกบาน แต่เราต้องการตื่น หรือเบิกบานจริงๆหรือ เราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิตอันเต็มไปด้วยสายหมอกแห่งความฝัน

มันคือความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง...

พฤศจิกายน 16, 2550

lyrics and women

ว่าไปแล้ว การเขียนเนื้อเพลงให้ดี เป็นศิลปะ เป็นกวี เป็นอะไรที่หลากหลาย
ผมขอเรียกวิธีการเขียนเนื้อเพลงของผมว่า "ธรรมดา แสดงออกตรงๆ ไม่มีมาด"
เพราะจะว่าไปแล้ว ผมได้อ่านเนื้อเพลงของวงที่แต่งเนื้อเพลงเก่งๆ เช่นเนื้อประมาณว่า
"คุยกับเงาตัวเอง ที่พูดไม่เป็น" -- อารมณ์แรกที่ได้ยินคือ "เจ๋งว่ะ" (แต่กูทำไม่ได้หรอก)

สำหรับผม ในอดีต ผมแต่งเพลงให้ผู้หญิงหลายคนมากมาย ทุกคนที่เขียน จะออกมาตรงๆ
ตามความคิดตอนนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน ทับซ้อน ให้กลับไปคิด หรือเป็นคำเจ๋งๆ ใดๆ

"เธอคือรอยร้าวของกาลเวลา ที่ตราอยู่ในหัวใจ ไม่มีทางหาย ยังคงว่ายเวียน
ตราบยังมีลมหายใจ" (เพลงชื่อเนื้อคู่ เป็นเพลงแรกที่แต่งให้กับวง Hate Your Boyfriend
วงของผมเอง ฮ่าๆ) แต่งให้กับ น้อย ผู้หญิงที่ผมหลงรักตอน ป.5-6 ครับ
Result คือ เธอยังไม่เคยฟังครับ

"ฉันเห็นพี่เอ๋ตอนมอสี่ในชมรมคอมพิวเตอร์ ฉันชอบเธอแต่ไม่กล้าเข้าไปคุย..
พี่เอ๋โปรสี่ห้องถาปัด ส่วนฉันห้องวิศวกรรม พี่เอ๋เรียนมอห้า ฉันเรียนมอสี่..."
(เพลงนี้ชื่อ พี่เอ๋ ตอนหลัง ตอนอัดเพลงให้ HYB ผมเปลี่ยนเนื้อและแก้ชื่อเพลงเป็น
สาวตากลม) แต่งให้ พี่เอ๋ ผู้หญิงที่ผมหลงรักตอน มอ 4-ปี 1 (วิศวะ)
Result คือ เธอยังไม่เคยฟังครับ

"ไม่เคยเห็นใคร สดใสแล้วเคร่งขรึม ในเวลาใกล้ๆกัน ก็เลยแปลกใจ สงสัยและสับสน
ว่านี่หรือคนที่เราแน่ใจ ... กันทิมา" (เพลงนี้ชื่อ กันทิมา ตอนหลังเปลี่ยนเป็น กลันทิกา
เนื่องจาก มือเบส จะเอาไปใช้จีบสาว และแก้เนื้อหา และทำนองนิดหน่อย) แต่งให้กับ
กันทิมา สาวที่พบ ตอนเรียนวิชา Human Behavior (วิชาเลือก) ตอน ป.ตรี
เธอไม่เคยฟังเพลงนี้ และเธอเป็นส่วนหนึ่งของชื่อวง Hate Your Boyfriend เพราะเพื่อนเธอ
ตอนที่ผมเข้าไปบอกว่า "ผมอยากรู้จักคุณ" แล้วเพื่อนบอกว่า "เขามีแฟนแล้ว"
และทั้งคู่ (เธอกับเพื่อน) ก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ปล. โชคดีแล้วที่ไม่ได้จีบ เธอสอบได้ที่ 1 เหรียญทอง บัญชี Stat รหัส 36 โคตรๆๆ เก่ง
Result คือ เธอยังไม่เคยฟังครับ

"ภาวิณี ชื่อนี้ฉันจะจำให้ดี ตลอดไป ไม่ลืม ภาพเธอ ย้ำเตือน เรื่องราวมากมาย
เคยผิดหวัง เคยเสียใจ ก็รักใช่ไหมที่ทำเธอ เคยมอบใจ ให้เขาไป สุดท้ายเขาให้
คือทำลาย เธอ............" (เพลงนี้ชื่อ ภาวิณี แต่งตอนเรียนโท อเมริกา) แต่งเพลงนี้ให้
น้องจูนครับ เธอเคยดังมากๆ ในอินเตอร์เน็ต สมัยผมไปเรียนโท เพราะมีคนเอารูปโป๊
เธอมาโพส ผมไล่ตามหารูปพวกนั้นจนได้มาเยอะ แล้วผมก็ได้คุยกับเธอผ่าน msn
และดูเธอผ่านหน้าจอ webcam จนได้รู้จักเธอผ่านเน็ต ...
Result คือ เธอได้ฟัง +++

"I know you from a web that links me to your pictures.
You are so cool, you've done something inside your hole."
(เพลงนี้ชื่อ Jennie แต่งตอนเรียนโทอเมริกา) แต่งให้กับ Jennie สาวเวบแคมดังมาก
อีกเช่นกัน คุยกันทาง AIM และส่งเพลงให้ฟังแล้ว (ปลื้ม)
Result คือ เธอได้ฟัง +++

"เธอทำให้ฉันรู้ว่า ชีวิตฉันมีค่าเพียงใด เธอทำให้ฉันก้าวไป แม้ไม่มีใครอีกเลย"
(เพลงนี้ ไม่ได้ตั้งชื่อ แต่งเมื่อไม่นานนี้ เป็นต้นแบบเพลง my morning moon
ที่จะใช้กับ วงที่ทำกับพี่คุ่นปราบดา ครับ) แต่งให้น้อง +Ul คนที่เป็นเพื่อนผม
ตอนที่ผมโดนกระแสที่ทำงาน รบกวนอย่างหนัก จนเครียด ปวดหัวมาก
เหมือนเธอเป็นคนเดียวตอนนี้ที่ผมคุยด้วย อันนี้ไม่ได้คิดจีบหรืออะไร
แต่เหมือนน้องเค้าทำให้ผมมีกำลังใจในการทำงานต่อไปที่นี่
แล้วก็ จริงๆ ก็นานแล้วที่ไม่ได้แต่งเพลง โดยมีเหตุผลแบบนี้
Result คือ เธอได้ฟัง +++

จริงๆ ยังมีอีก แต่อยากจะบอกว่า การแต่งเพลง เพื่อความรู้สึกจริงๆ จากใจ ต่อใคร
มันก็ดีแบบนี้ เวลาเอามาฟัง แล้วเราจะนึกถึงคนที่เราเขียนเพลงถึง
ถึงเนื้อมันจะอ่อนๆ ไม่กวี ส่วนตัวๆ ก็ตาม แต่ผมรักเพลงพวกนี้เหมือนกัน
เพราะคือชีวิตช่วงหนึ่งของผม...ครับ

พฤศจิกายน 14, 2550

คือคำขอบคุณ

ในเวลาที่ปัญหาล้อมรอบกายจากคนบางคน ทำให้เราพบความเลวร้าย
มีเสียงจากผู้ใหญ่ใจดี ที่ช่วยให้เรารู้สึกว่าเราได้หลุดออกมาอีกระดับ
คงไม่เกินไปนักถ้าจะเอ่ยคำขอบคุณด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง
ความจริงคือ เราเอง แม้ไม่ใช่คนเก่ง แต่เมื่อต้องทำงานกับคนที่ไม่มีคุณค่าใดๆ ในชีวิต
ยากนักจะทนทำงานด้วย คำพูดเล็กน้อยของผู้ใหญ่ใจดี ช่วยแบ่งเบาภาระและปัญหา
เมื่อไรหนอ คนจะเข้าใจเสียที ว่าคนบางคนน่ะ ไม่ควรค่าจะอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ
มันควรถูกขับไล่ออกไปจากที่นี่เสียตั้งนานแล้ว

ขอบคุณครับ

พฤศจิกายน 09, 2550

ดนตรี

ดนตรีนั้น
คือสิ่งที่มีค่า
คือความหวังที่เรืองรอง
คือจิตใจยามเช้าตรู่
คือพระจันทร์ยามก่อนรุ่ง
คืออะไรก็ได้ ที่มีค่า

พฤศจิกายน 08, 2550

ก็เหมือนกับคนอื่นๆอีกหมื่นล้านคน

ถ้าไม่มีการคุยกัน
เธอก็เหมือนกับคนอื่นๆอีกหมื่นล้านคนที่ไม่มีผลอะไรกับชีวิตของฉัน
ตั้งอยู่ และดับไป ... โดยไม่มี ปฏิสัมพันธ์
ดังนั้น ถ้าเธอต้องการแตกต่างกับคนอื่นๆ
เธอควรจะ....

พฤศจิกายน 07, 2550

LDAP

Start เรื่องใหม่ "LDAP"
มันคืออะไร ต้องลองเล่นดู
เป็นเรื่องอีกเรื่องที่ต้องศึกษา
.. จะพยายาม

พฤศจิกายน 06, 2550

เพียงรสเค็มของไก่ทอดเคเอฟซี ระหว่างทางไปมิชิแกน

รถยูฮอล จอดแล้ว ชายสองหญิงหนึ่งลงจากรถขนของแบบทำเอง DIY ยี่ห้อยูฮอ
เป็นชายไทยสองคน อายุประมาณ 24-25 และเป็นหญิงเกาหลีหนึ่งคน
เป็นเพราะท้องร้อง ต้องหาอะไรลงท้องหน่อย อย่างน้อยๆ ต้องไม่แพง
และที่แปลก ตั้งแต่มาอยู่ที่อเมริกาได้ประมาณสองเดือน แทบไม่น่าเชื่อ
ไม่เคยเห็นร้านไก่ทอดเคเอฟซีเลย+

ดังนั้น เลยไปกินร้านเคเอฟซีให้หายคิดถึง แต่...

"ทำไมไก่ทอดเคเอฟซี ที่เมกา มันเค็มแบบนี้เนี่ย!"

ปล. เกร็ดความรู้เล็กน้อย อาหารที่อเมริกา มักเน้นรสเค็ม ผมเลยกินเค็มได้เก่งขึ้น
หลังจากกลับมา และไม่แปลกใจเลย ที่พ่อผม ซึ่งไปอยู่มา 5 ปีตอนเรียนโทนั้น
ชอบรสเค็ม!

บทสนทนาระหว่างเรา

"หวัดดีตอนเช้าครับ"
"อ้าว พี่ หวัดดี มาแล้วเหรอ"
"ไปกินข้าวกันๆๆ"
"เอาสิ"

"เป็นไงมั่งตอนนี้"
"ก็ไม่ค่อยดีอ่ะ ปวดหัวนิโหน่ย"
"เป็นอันหยัง"
"สงสัยตากแดด"
"งั้นก็รีบกลับไปพักผ่อนนะ"
"อะนะ"

"หวัดดีครับพี่ มาแล้วเหรอ วันนี้มาสายจริงนะ"
"เออ"
"แหมพูดไม่เพราะเลยโว้ย"
"ฮ่าๆ พี่มาสายจะครบสิบวันแล้วเดือนนี้"
"เหรอๆ ดีๆ เป็นเพื่อนกัน ฮ่าๆ"
"เป็นไงวันนี้คุยกับน้องสาวเธอแล้วเหรอ"
"คุยแล้ว"
"เค้าเล่าให้ฟังป่าว"
"เรื่องอะไร"
"จะไปรู้เหรอ"
"นั่นสิ ถามปลายเปิดอีกแล้ว"

"กลับก่อนนะสองสาว"
"บายค่ะพี่" - "เออ"

โชคดีครับบบบบ

พฤศจิกายน 05, 2550

อยากเห็นเธอเป็นสุข

ความรัก คือการให้
ความรัก คือการอยากเห็นคนที่เรารักเป็นสุข
แล้วฟ้าก็ส่งลมหนาวมา

disturbing language

รู้สึกไหม เวลาได้ยินผู้หญิงพูดกูมึงแล้วรู้สึกไม่ดี
แต่ผู้ชายพูดแล้วฟังแล้วเฉยๆ

หรือผมคิดมากไป

ร้านอาหารไทยรำลึก

สิงโตตกลงมาเรียนโท โดยแชร์ห้องที่แฟร์ฟิลด์อพาร์ตเมนต์กับผม
และความปรารถนาแรกของสิงโต เมื่อย้ายตัวเองมาอยู่ที่อเมริกาก็คือ

"หางานทำไปด้วยระหว่างเรียน"

ดังนั้น ผมจึงขับรถเก่าๆผุๆพาสิงโตไปหางานทำหลายที่
มีร้านหนึ่ง ชื่อร้าน คิงแอนด์ไอ

เรื่องมันมีอยู่ว่า...

ความพยายามหวังในความคิดที่มีความเป็นไปได้เพียงความฝัน

หลับตาลง
นิ่งคิดไปเพื่อให้รับรู้สัมผัสกับสิ่งที่เราพบ
ความจริงไม่มีอะไรสามารถตอบคำถามต่างๆของเราได้
ว่าเรามาทำอะไรตรงนี้ ที่ที่ไม่มีความทรงจำดีๆ

อยากให้ความฝันเป็นความจริง
ความจริงยังคงโหดร้ายเสมอ
แต่ความฝัน บางครั้งดี บางครั้งร้าย
แต่ความจริง ยังไงก็โหดร้าย

ดังนั้น

เราควรสุ่มอยู่ในโลกแห่งฝัน
เผื่อได้พบความสุข บ้างเป็นบางครั้ง
ก็คงดี

น้ำใจ

บางครั้ง ร่างกายหลั่งสารแปลกปลอมออกมา เรียกกันว่า "น้ำใจ"

ผมมีน้ำใจกับคนบางคนเท่านั้น คล้ายกับว่า เราไม่ได้มีสารนี้กับทุกคน
แต่แปลก ที่บางครั้ง มันกลับไม่มีประโยชน์ใดๆ ความรู้สึกดีๆใดๆ
หรือเป็นเราเองที่อ่อนแอ ไม่ใช่คนอื่นที่เราแคร์

ผมรู้สึกเหงาอีกครั้ง คราวนี้ดูจะหนักกว่าแต่ก่อน เพราะมีปัจจัยแปลกๆที่ผมรู้สึกได้
หลายอย่างที่เคยเป็นกำลังใจ เหมือนจะกลับเป็นอากาศธาตุ
ไม่เป็นไร ผมยังมีลมหายใจที่ไม่เหือดแห้ง ต่อไปจะระวังตัวกว่านี้แล้วกัน
หวังเพียงสายลมพัดเอาความเย็นในตอนกลางคืนและตอนเช้า
จะช่วยผ่อนคลายความเหงาให้ลดน้อยลง
อารมณ์ของคนที่มีความคิดต่อโลกแปลกๆ ก็ต้องหาทางออกไปเรื่อยๆ
เหมือนเรือลำน้อยที่พายไปอย่างไม่รู้อนาคต ในมหาสมุทรขนาดใหญ่

ว่าแต่... เราจะรอดไปถึงฝั่งไหมหนอ

พฤศจิกายน 02, 2550

iPod - iTunes - Podcasts มิติใหม่!

ตอนนี้ผมใช้ iPod แล้วนะครับ หลังจากอยากใช้มานาน
สาเหตุที่ผมตัดสินใจซื้อ เพราะ KTC Rewards เดือน ตค
ให้สิทธิ ผ่อน 0% 3 เดือน ผมเลยไปสอน iPod Nano 3rd Gen สี Silver
ซึ่งเป็นแบบ 4G (ถูกสุดในตระกูลนี้) ก็ผ่อนไปเดือนละประมาณ 2 พัน

ตอนแรกที่ใช้ ผมมีอาการ Awkward (งุ่มง่าม) นิดหน่อย เพราะไม่เคยใช้
สินค้าตระกูล iPod มาก่อน ปกติ จะใช้ก็แต่พวกที่ เอาเพลงยัดลง และมอง
มันเป็น Folder เหมือนเรามองใน Computer ไม่มีการจัดไฟล์ด้วย Tag mp3
ไม่ว่าจะเป็น ตระกูล Creative (Nuvo หัวเสียบ USB) หรือ iriver รุ่น IFP-799
ซึ่งผมพอใจเสียงของ iriver พอสมควรเลย แถมมี Feature ต่างๆมาเพียบพร้อม
ไม่ว่าจะเป็นระบบอัดเสียง ที่คุณภาพดี และมีวิทยุ FM แถมมี Equalizer ที่เยี่ยม

เมื่อได้ลิ้มลอง iPod สิ่งแรกที่แปลกใจ คือวิธีการจัดการกับเพลงของมัน
มันใช้ Property ของ file ในการจัดหมวดหมู่ให้แบบฉลาดๆ เช่น
เพลงนี้ เป็นของศิลปินใด composer คือใคร อัลบั้มชื่ออะไร
ซึ่งพวกนี้ จะเป็น property ใน tag file mp3 ที่ถ้าคุณสร้างไฟล์
แล้วกำหนด property พวกนี้ให้ มันก็จะถูกใช้โดย iPod เลย

นอกจากนี้ ไฟล์ วิดีโอแบบ mp4 ก็ให้ภาพที่คมดี เพราะจอมันเล็ก
แค่ 300 กว่า * 200 กว่า ภาพจึงดูคมมากๆ แต่อาจต้องเพ่งหน่อย
เพราะเล็กๆ แถมดูนานๆ อาจเวียนหัวได้

ความรู้ใหม่ของผมคือเรื่องของการซื้อเพลงผ่าน iTunes และเรื่อง Podcasts
ที่ผมได้ยินชื่อมานานแล้ว เมื่อได้ลองดูก็พบว่ามันน่าสนใจดี เพราะ Podcasts
เป็นโหมดฟรีของ iTunes และมีให้เลือกโหลดหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
เพลง เสียง หรือ วิดีโอ แถมย้อนดูตอนเก่าๆได้ด้วย ภาพที่เอามา หรือเสียงที่เอามา
ก็มีคุณภาพดีมากๆ และฟรี

ก็คิดว่าใช้เครื่อง iPod แล้วคุ้มๆดีเหมือนกันครับ กับคำถามเรื่อง ถ้าผมจะใช้มันฟัง
วิทยุ หรืออัด ผมจะทำอย่างไร ซื้อ accessories เพิ่มเหรอ
คำตอบของผมง่ายมาก ... ก็กลับไปใช้ iriver ดิ กรณีพวกนั้น แต่ถ้าฟังเพลงกับดู vdo
ขอเป็น iPod ตัวนี้แล้วกัน

ปล. เครื่องนี้ผมซื้อให้หุย มันจึงมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Hui's iPod (HA HA)

พฤศจิกายน 01, 2550

สาวน้อยหูฟังสีแดง เสื้อวอร์มสีเขียว

เธออายุ 22
กำลังทำงาน
เธอฟังหูฟังสีแดง
ใส่เสื้อวอร์มสีเขียว
มัดผม

อยากคุยกับเธอ
แต่ไม่อยากกวนเวลาทำงาน
...
พรุ่งนี้ไปอุทัยกันแล้วสินะ

ตุลาคม 31, 2550

ฤดูหนาวเอย

สายลมฤดูหนาวย่างเข้ามาปลายเดือนตุลาคม
แต่สายลมนี้ พัดเอาฝนมาด้วย เป็นละอองน้ำลอยปะทะหน้า
ความรู้สึกลึกนั้นอยากให้ฝนไม่ตก เพียงอยากรับลมหนาว
พาเอาความเย็นให้กับร่างกายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้สามสิบเอ็ดปีกว่าแล้ว

จำได้ว่า ฤดูหนาวที่เมือง บริดจพอร์ต รัฐคอนเนคติคัท ประเทศอเมริกา
มีหิมะตกกระหน่ำ ปีนั้น จำได้ว่า ท่วมรถที่จอดริมทางในมหาวิทยาลัยจนมิด
คนที่จะเอารถต้องใช้พลั่ว กวาดหิมะออกเป็นทางก่อน ถึงจะเปิดประตูได้
แต่ยากเกิน ที่จะพารถไปด้วย เพราะดูแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้
ตอนที่ทำงานกะดึกในปั๊ม โมบิล ก็ต้องกวาดหิมะ หนักและหนาวจัด
อุณหภมิ ไม่ต้องใช้ปรอทวัด น่าจะกะได้ว่าต่ำกว่า ศูนย์องศาเซลเซียสแน่ๆ
(ไม่ต่ำกว่าแล้วมันจะเป็นหิมะได้ไง ฮ่า)

ดีใจที่หน้าหนาวมาเยือน ปกติผมชอบความเย็น
เพราะมันทำให้ผมตระหนักว่า ยังมีความสุขในชีวิตอีกเรื่องที่เราๆสามารถสัมผัสได้
โดยไม่ต้องใช้เงิน... ฤดูหนาว

ตุลาคม 30, 2550

idea for comic!

แพนดารา ยอดมนุษย์!

คุณสมบัติ หน้าตาดี อวบมาก หุ่นสะบึ้ม
พลังพิเศษ แย่งแฟนชาวบ้านได้แม้จะรักกันปานกลืนกิน
ตอนที่ 1 กำเนิด แพนดารา
ตอนที่ 2 แพนดารา ปะทะ ศิลปิน ไส้แห้งและไม่แห้ง
ตอนที่ 3 แพนดารา ปะทะ นักวิทยาศาสตร์ รางวัล และไม่รางวัล
ตอนที่ 4 แพนดารา ปะทะ เด็ก ก่อนวัยรุ่น
ตอนที่ 5 แพนดารา ปะทะ วัยรุ่นวุ่นรัก ชอบลอง
ตอนที่ 6 แพนดารา ปะทะ วัยทำงาน เริ่มสร้างครอบครัว
ตอนที่ 7 แพนดารา ปะทะ วัยเกษียณ
ตอนที่ 8 จุดจบของแพนดารา
ตอนที่ 9 การกลับมา (อีกครั้ง) ของแพนดารา (เพื่ออะไร)

ความหนา 20 หน้ากระดาษ
กำหนดการ ยังไม่รู้จะวาดเมื่อไหร่ แต่จะพยายามให้ทันวันที่ เก้า พย (ฮา)

เสียงพูดในสาย

"แหมเสียงหล่อกว่าตัวจริงนะเนี่ย"

"พี่ไม่ต้องคิดมากหรอก..."

"ไปนอนได้แล้ว ฝันร้ายนะ"

ครั้งแรกที่ได้คุยกันในสายโทรศัพท์
เพียงเพราะ ความห่วงใยเรื่องปัญหาที่ได้บอกไว้ตอนกลางวัน
ทำให้ต่อยอดยาวนานเกินหนึ่งชั่วโมง
โปรโมชั่น โทรต่างเครือข่าย
นาทีแรก สามบาท นาทีต่อไป นาทีละหนึ่งบาท
คาดว่าหมดไป ไม่น้อยกว่า หกสิบบาทแน่ๆ!

ขอบคุณนะ...

ตุลาคม 29, 2550

ผมไม่เข้าใจ

ผู้หญิง
บางครั้งดูไร้หัวใจ
บางครั้งดูจริงใจ
บางครั้งดูอ่อนไหว
บางครั้งดูเข้มแข็ง
บางครั้งอยากกอด
บางครั้งอยากหลีเลี่ยง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
ผู้ชายกับผู้หญิงยังคงเป็นของคู่กันเสมอ

นอกจาก...

เหนื่อยจัง

เหนื่อยจังเลยวันนี้
น่าจะมีคนที่เราอยากให้อยู่อยู่ใกล้ๆกัน
คงเป็นความเหนื่อยล้าที่เกิดในใจ กับทางกาย
เพียงหวังใครซักคน

ไม่ได้ห่างไกล

บางครั้งคำว่า "Best Friend" ก็เป็นคำซึ้งที่พูดยาก
เมื่อวานได้ชมหนังเรื่อง Clerks 2 ที่ House RCA
มีบางตอนที่ผมน้ำตาไหล(ซึ้งบางฉากกับหนังตลก)

คงมีเพียง แสงแดด ลมพัดไหว และฤดูหนาว ช่วยปลอบใจ
ความเศร้า..
ไม่เคยหายไป
เสียที

ตุลาคม 26, 2550

Revengomic

เหมือนมีระเบิดเวลาอยู่ในหัว รอคอยวันระเบิดออกเพื่อให้สมองแหลกกระจุย ทว่าความจริงย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ความเจ็บปวดย่อมไม่หายไปจากหัว เพียงเพราะเรื่องราวต่างๆร้อยพัน ซัดกระหน่ำเข้ามาทำลายกลไกทางความคิดและจิตสำนึก ไม่คาดคิดว่าจะรุนแรงเรื้อรังยาวนานได้ถึงเพียงนี้ แค่หลับตา ภาพที่เจ็บปวดไม่เคยหายไป กลับชัดเจนเหมือนอยู่ตรงหน้า เหมือนฝันร้ายที่กลายเป็นจริง เหมือนนรกที่อยู่บนดิน ทุกอย่างที่เห็น ที่ได้ยิน ที่ได้สัมผัส ทำร้ายจิตใจให้ปวดร้าว เพียงก้าวขายังยากลำบาก เพียงเปิดเปลือกตา หรือเงยหน้ามองรอบกายยังยากเย็นแสนเข็ญ ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์สุมในใจ เหมือนมีสัตว์ร้ายจ้องทำลาย เหมือนกำลังบ้า...

ผมเหลาดินสอจนปลายแหลมพอจะแทงคนตายได้ จึงบรรจงวาดภาพการ์ตูนเพื่อขับไล่ความเครียดให้ออกมาในรูปของ คนที่ทำร้ายผม คนที่ดูถูกผม คนที่ใส่ร้ายผม คนที่เอาเปรียบผม คนที่เนรคุณผม คนที่หักหลังผม คนที่ด่าว่าผม คนที่ทำร้ายร่างกายผม คนที่มีจิตใจเลวทราม คนที่เห็นแก่ตัว คนที่มีเพียงตัว คนที่ลอบกัดผม และคนเลวอื่นๆในแง่อื่นๆที่ผมรู้ พวกมันอยู่ในซอกหลืบต่างๆของสังคม ถูกผมวาดออกมาเป็นตัวละครในการ์ตูนทั้งหมดทั้งสิ้น

ผมจะวาดตัวเองเป็นผู้ทำลายล้างพวกมัน ด้วยสองมือและสองตีน หมัดลุ้นๆ ตีนลุ้นๆ ไร้ซึ่งปืนผาหน้าไม้ หรืออาวุธอาเว้ทใดๆ แลกกันจะๆ ตัวตัว แต่ขอโทษ ... ผมไม่เคยเป็นผู้แพ้ (แม้พวกมันจะมาแบบหมาหมู่) เพราะผมเป็นคนวาด แน่นอนว่า ผมต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น แม้จะเลือดอาบโทรมกาย แขนขาเหวอะ หัวแตก ปากแตก กำดาวไหลตามร่อง หรือแม้แต่ชิ้นส่วนหลุด... ใช่ ผมต้องชนะเท่านั้น เพื่อให้สมกับความเลวของพวกมัน แม้ตาย (ในการ์ตูน) ก็ยอมเข้าแลก ที่สำคัญที่สุดในการวาดทุกครั้ง ผมใช้ชื่อจริงของพวกมันแต่ละคน เป็น Boss ของแต่ละตอน เหอะ ๆๆ

ใช่แล้ว มันคือการ์ตูนลึกลับที่ยังไม่เคยได้ถูกเปิดเผยกับใคร นอกจากเพื่อนรักผมเพียงไม่กี่คน ซึ่งรู้เรื่องราวข้างหลังของการ์ตูนเหล่านี้ด้วย และพวกเขาเรียกมันว่า Revengomic ! และคนต่อไปที่ผมกำลังวาด... คือ

บทสัมภาษณ์

วันนี้ ผมได้พูดคุยกับคุณปราบดา หยุ่น และคุณ สิบเดซิเบล เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง
Bug เพื่อเอาบทสนทนาไปลงหนังสือ HYBBY Ending

สวัสดีครับ คุณคุ่นและคุณสิบเด อยากทราบว่าวันนี้รถติดไหมครับ ก่อนอื่นเลย

(แย่งกันตอบ) ติดมากเลยครับ

เข้าเรื่องเลยแล้วกันครับ รู้สึกยังไงกับหนังเรื่อง Bug ของ Liongate เกี่ยวกับประเด็น
หลักๆ ที่หนังพยายามจะสื่อให้คนดูได้ทราบ

ปราบดา: ผมยังไม่ได้ดูเลย
สิบเดซิเบล: มีสมุนไพรไหม กอสระอู ขอหน่อย

เอ่อ...ผมอึ้งไปสามนาที ก่อนจะนึกได้ว่าผมยังไม่ได้บอกทั้งคู่ว่าจะสัมภาษณ์เรื่องนี้

ปราบดา: ครับ เราขอตัวก่อนนะ คราวหลังเตรียมตัวมาก่อนนะ
สิบเดซิเบล: คราวหน้า เขียนอะไรยาวๆหน่อยนะ อย่าหักมุมจบมั่วๆแบบนี้

ครับ ผมตอบ ... (แต่ไม่เชื่อ ฮ่าๆ)

ตุลาคม 25, 2550

ชายที่รักเธอ

แปลกใจไหม เวลาที่คุณเห็นผม มักเป็นเวลาที่คุณกำลังมีปัญหา
เวลาที่คุณกำลังอ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ไร้ทางออก หรือร้องไห้
เวลาที่คุณมีความสุข อยู่กับเพื่อนหรือคนรัก คุณจะไม่มีทางได้เห็นผม
ผมไม่บอกคุณหรอกว่าทำไม แต่อยากให้คุณรู้ไว้ว่า สำหรับผม
คุณคือคนสำคัญเสมอ สำหรับคุณ ผมไม่ใช่คนสำคัญอะไร
อย่างน้อยผมก็อยากให้คุณรู้สึกเช่นนั้น.. ตลอดไป

เมื่อก่อน เราสองคนเพียงพบกันแค่ผ่านๆ ไม่มีการพูดคุยทักทาย
ยากนักที่จะบอกว่าคุณรู้จักผม แต่ผมเชื่อว่า คงมีบางครั้ง
ที่สายตาคุณ คงเคยเหลือบแลสัมผัสกับใบหน้าของผมเพียงห่างๆ
ไม่ว่าคุณจะคิดเช่นไร เห็นหรือไม่เห็นผม ไม่เป็นไร อย่างน้อย
ผมก็เห็นคุณจากมุมมืดมิดที่ไม่มีคนสังเกตสังกา ให้ความสำคัญใดๆ

ตอนนี้ คุณคงรู้จักผมชัดเจนขึ้น ก็วันที่ผมเอาของไปให้เพื่อนคุณ
และไม่คาดฝัน เพื่อนคุณแนะนำผมให้คุณรู้จักอย่างเป็นทางการ
เพื่อนคุณไม่รู้หรอกว่าผมคิดอย่างไรกับคุณ เขาเพียงทำหน้าที่ทางสังคม
การแนะนำคนที่ตนรู้จักให้กับคนที่ตนรู้จักอีกคน มันก็แค่นั้น
ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขาเท่าไร
แต่ผมแอบคิดเล็กๆว่า ถ้าเขารู้ว่าผมคิดอย่างไรกับคุณ เขาคงไม่แนะนำ
เพราะผมเองที่เชื่อมั่นว่า เขาเองก็คิดกับคุณเหมือนที่ผมคิดกับคุณ

ทำไมท้องฟ้าช่างสดใสนักวันนี้ แต่ใจผมกลับไม่สดใสเหมือนท้องฟ้า
ใช่แล้ว ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่ ใจผมคิดถึงหน้าคุณ แปลกดีไหม
ถ้าคุณยังจำได้ วันที่เขาแนะนำคุณให้รู้จักกับผม ผมไม่กล้าสบสายตาคุณ
คุณอาจสงสัยว่าผมเป็นอะไร หรือคงเดาว่าผมเป็นคนขี้อาย หรือไม่ก็ไม่ชอบสังคม
แต่ผมอยากบอกว่า ที่ผมไม่กล้าสบสายตาคุณ มันก็เพราะผมกำลังหน้าแดง
ใช่แล้ว ผมกำลังหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุก

ถ้าวันเวลาสามารถกำหนดได้ว่าให้เคลื่อนคล้อยไปช้าเชื่องเหมือนปุยฝ้ายละเลียดไหล
ไปตามผ้าลื่นที่เอียงทำมุมไม่มาก แต่มากพอให้ปุยฝ้ายขยับ
ผมเชื่อว่าผมอยากให้เวลาเคลื่อนไปช้าๆแบบนี้ ในเวลาที่มีคุณอยู่ข้างกาย
ผมเชื่อว่าผมโชคดีกว่าทุกคนในโลก ตราบที่ทุกวินาทีที่ผมหายใจอยู่
มีลมหายใจคุณพัดวีอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจที่ให้กับผม
คำว่ากำลังใจ ฟังดูแปลกๆ ว่าไหม ผมรู้สึกว่า ใจมันเป็นนามธรรมมากๆ
แต่เมื่อตามหลังกำลัง มันฟังดูฮึกเหิมดีจริงๆ

อีกไม่กี่ชั่วโมง ผมกับคุณต้องลาจากกันชั่วนิรันดรภพ.. ใช่แล้ว
ผมขอสารภาพความในใจให้คุณรู้

ผมมีคุณเสมอในทุกวัน และมีคุณเสมอในทุกลมหายใจเข้าออก
และผมจะขอมีคุณเสมอ แม้เราจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันในชาตินี้แล้ว
รักคุณ และพบกันในไม่ช้า...

ตุลาคม 24, 2550

หนองน้ำแน่นิ่ง

ร่างกายผมเปียกไปหมดตอนเปลือกตาผมเผยอขึ้น

รอบกายผมมีเพียงน้ำและน้ำและน้ำและน้ำและน้ำ
ผมนอนอยู่กลางหนองน้ำตื้นๆ ที่มีเพียงใบหน้าส่วนจมูกเท่านั้น
ที่โผล่พ้นน้ำ นอกนั้นจมใต้ผิวน้ำที่นิ่ง

ร่างกายผมไม่สามารถขยับได้ ไม่รู้เพราะอะไร
ผมพยายามลุกขึ้นให้พ้นผิวน้ำนั้นแต่ทำไมทำไม่ได้

ห่างออกไปจากหนองน้ำ เป็นแนวไม้
แนวไม้ที่หนาหนั่น ทึบอับ ปรับมุมยังไงก็มองทะลุไกลยากยิ่ง
ผมเปรียบประดุจหมาหัวเน่ากระดูกหัก ทำได้เพียงนอนนิ่งกลางไพร
ก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมา ผมถึงมานอนอยู่ในหนองน้ำนี้
ผมเองก็ไม่อาจทราบได้

...

หลายเดือนก่อน ผมพบเธอที่ตลาดสด วันนั้นเป็นวันพระ
เธอมากับแม่ของเธอ ในมือเธอ ถือถุงพลาสติกใส่อาหารที่จ่ายตลาด
ผมมองไม่เห็นรายละเอียดใดๆในถุงพลาสติกนั้น แต่ผมเห็นหน้าเธอ

เธอหน้าตาหมดจด สวยธรรมชาติ ยากยิ่งจะนิยาม
เพียงบอกแค่ผิวกายละเอียดประดุจผิวผ้าไหมเกรดเอ
ผมเองก็ไม่แน่ใจนัก เพราะผมไม่เคยสัมผัส
สายตาอาจละลาบละล้วงไปเกินเลยจนเปรียบเปรยเธอได้
แต่ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ที่แน่ๆ หน้าเธอตรงใจมาก

ผมทำอาชีพขายกาแฟในตลาด เธอเดินผ่านผมโดยไม่ซื้อ
แต่ผมมองหน้าเธอค้าง จนเธอสังเกตเห็นและหยุดมองหน้าผมเพียงขณะ

หัวใจผมเต้นระรัว และสิ่งที่ผมต้องการพูดออกไปก็เริ่มต้น

"สวัสดีครับ รับกาแฟเย็นไหม"

ปากสั่น แต่สั่นสู้ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงกล้าพูดออกไป
ผมไม่เคยพูดกับลูกค้าคนไหนแบบนี้มาก่อน

"เอาเอสเพรซโซ่ร้อนดีกว่าค่ะ ดับเบิ้ลชอทไปเลย"

ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด ร้านผมมีแต่กาแฟเย็นกับกาแฟร้อน
ภาษาอังกฤษที่เธอพูดมา ทำให้ผมงง แต่ผมก็ตอบไปว่า

"ได้ครับ รอสักครู่นะ ว่าแต่คุณไม่ค่อยได้มาจ่ายตลาดที่นี่ใช่ไหม"

"ฮ่าๆ " เธอหัวเราะ และบอกว่าเธอพูดเล่น ร้านผมจะมีได้ไง
ของที่เธอสั่ง มันคือกาแฟสด ที่เธอไม่รับจากร้านในตลาดแน่ๆ
แต่เธอเห็นผมจ้องหน้าเธออยู่อย่างนั้น เธอเลยจะแกล้งผมเล่น

แล้วเธอก็เดินจากไป

...

มีเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามใกล้ๆ จุดที่ผมนอนแน่นิ่งในหนองน้ำ
ผมตะโกนออกไปสุดเสียง "ช่วยด้วย ๆๆๆๆๆๆๆ "

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และโผล่พ้นแนวไม้ทึบหน้า
ผมเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนชัดเจน

และผมก็สามารถขยับตัวลุกจากหนองน้ำนั้นก่อนที่คนผู้นั้นจะมาถึงตัว

ผมโกยอ้าว... ไม่เหลียวหลังกลับมาดู

ตุลาคม 22, 2550

20 ตค วันเกิดลูกรัก, 21 ตค ท่องงานสัปดาห์, 22 ตค กลับมาทำงาน

วันเสาร์ที่ 20 ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดครบรอบ 1 ขวบถ้วนของน้องเฟย์ ลูกสาวสุดที่รักครับ
ผมกับหุยก็เลยพาลูก พร้อมกับ แม่หุยและน้องๆหุย ไปที่วัดเพื่อถวายสังฆทาน
โดยเป็นการถวายของที่ผมกับหุย ไปเลือกของใส่ถังสังฆทานเอง ที่คาร์ฟูรัชดา

หลังจากถวายสังฆทานเสร็จ ผมก็พาลูกไปเดินเที่ยวงาน ลูกโป่ง ที่เซ็นทรัลพระราม 3
จริงๆวันนี้ เพื่อนส.มศว.ปทุมวัน นัดกันไปพบ พระด๋อย ที่วัด ผมไม่สามารถไปด้วย
เพราะเป็นวันเกิดลูก และวันนี้ มีการบันทึกเสียงกับพี่ปราบดา ที่ห้องอัด
แต่ผมก็ไม่ได้ไป เพราะเป็นวันเกิดลูกเช่นกัน ก็เลยสรุปว่างดไปทำอย่างอื่น ได้อยู่กับลูก
มีความสุขมากๆครับ

วันอาทิตย์ที่ 21 ผมตื่นประมาณ 10 โมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว รีบออกไป จะไปเดินงาน
สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เนื่องจากไม่ได้หุงข้าวไว้ ก็เลยออกไปกินที่ ศูนย์ประชุมฯ
เลยดีกว่า ไม่ต้องอุ่นแกงเขียวหวานที่พี่หน่อยทำไว้ด้วย

ไปถึงงานสัปดาห์ประมาณ 11 โมงครึ่ง ซื้อข้าวมันไก่ ราคา 40 บาท แต่ปริมาณน้อยจัดๆ
หาที่นั่งก็ยาก คนเริ่มทยอยมาเยอะเรื่อยๆ ได้ที่นั่งก็กินไม่อิ่มอีก
เลยต้องไปซื้อ ก๋วยเตี๋ยวแคระ ต่ออีก 35 และบังเอิญ ยังจุอาหารได้อีก ก็เลย
ต่อด้วย ไอติมกะทิ ตักเครื่องได้เอง 20 บาท รวมไปกว่า 95 บาท (โห... food center ไรเนี่ย)

หลังจากนั้น ก็เข้าไปเดินในงานเลย เป้าหมายแรกคือไป นายอินทร์ เพราะวันเสาร์แวะมาดูแว้บๆ
ก่อนกลับบ้าน (พอดีนั่งรถใต้ดิน เลยแวะสะดวก) แต่บังเอิญผ่านร้าน
หนังสือใต้ดิน (Underground) ก็เลยแวะ ได้หนังสือมานิดหน่อย (Free Form, Happening
และหนังสือหนังของพี่ 'ปราย พันแสง -- เก่าแล้วเกี่ยวกับหนัง ปกดำๆ จำชื่อบ่ได้)
ชอบมากเลย บทแรก เพราะเขียนถึงเถี่ยน หมี มี่
ได้อย่างดี ผมเอามานั่งอ่านตอนหลังจากกลับจากงาน ยอมรับว่า น้ำตาไหล (นึกถึงฉากตาม)
อ่อ น้องคนขายน่ารักดีอ่า :O

ที่ร้านนายอินทร์ ตอนแรกในใจคิด อยากหาหนังสือลดราคาของ "ธวัชชัย คิดอ่าน" แต่
พบสองสามเล่ม "ที่ผมมีหมดแล้ว และซื้อราคาปกติมา" -- กรรม -- ก็เลยไม่ได้ซื้อ

สรุปว่า จบลงที่ร้านโฆษิต เพราะขายหนังสือลดราคาเยอะและสภาพหนังสือไม่โดนทำลายมาก
จริงๆอยากลองงานของ "คาฟค่า" เพราะเห็นชื่อคนนี้ จากหนังสือของ มุราคามี

ก่อนกลับจากงานก็ประมาณเกือบบ่ายสอง ไม่ทันได้เจอพี่คุ่นเลย ฮ่าๆ

วันนี้ 22 กลับมาทำงานอีกครั้ง (หลังจากหยุดไปสองวัน) อากาศทำไมเย็นๆสบายๆดีจัง
หรือว่าเข้าใกล้คำพยากรณ์!

ตุลาคม 18, 2550

ความสุขนั้นอยู่ที่ใจ

บางครั้งเราคิดว่า ทำไมมันเป็นความรู้สึกดีๆที่เกิด
แต่พลันไม่นาน ความรู้สึกดีๆนั้นก็สลายไป
เพราะเราเป็นเจ้าของชีวิต เราย่อมต้องรับไป
หากคนเรามีชีวิตเพื่อการเรียนรู้
เชื่อว่า ไม่มีสามารถใครเรียนจบได้จริงๆหรอก

ความสุขนั้นอยู่ที่ใด ถ้าไม่ใช่ อยู่ที่ใจ
...

ผมตั้งใจจะทำงานเพลง แทนการไป Team Building
ไม่รู้ว่าจะมีอะไรตามหลังมาบ้าง แต่ก็พร้อมรับเสมอ
ไม่อยากทำ ..คุณได้รับสิทธิ์ ความเป็นเจ้าชีวิตคุณ
เดี๋ยวนี้...

จริงหรือ

ตุลาคม 17, 2550

เหมือนสสาร

คิดถึงกัน เหมือนที่ฉันคิดถึงเธอ
แม้ยามห่างไกล ในใจฉันมีแต่เธอ
ความรักคืออะไร คนที่ใช่ยังคือเธอ
ชีวิตเป็นของใคร ชีวิตฉันเป็นของเธอ

แม้ฟ้าไม่อวยพรให้เรา แต่ฉันเชื่อเสมอว่า
ในสักวันหนึ่งของชีวิต เราสองคนจะมั่นใจ
ว่าสิ่งต่างๆที่ผ่านมา ไม่เคยเสียเปล่า
ความสุขที่เกิด จะจารึกชั่วนิจนิรันดร์
เป็นความสุขที่ยั่งยืน เหมือนศิลาตั้งตระหง่าน
ลมหายใจของเรา แม้หมดสิ้นลง
แต่ความสุขที่เกิด จะอยู่ต่อไป
แม้จักรวาลจะสิ้นสลาย
แล้วกลับมาใหม่
จะกี่ล้านล้านล้านล้านปี
ความรักของเรา ความสุขของเรา
เมื่อเกิดแล้ว ก็จะอยู่อย่างนั้น
ยั่งยืนถาวร เหมือนสสาร
ที่ไม่มีวันสูญสลาย หรือเพิ่มขึ้น มีแต่จะเปลี่ยนรูป...

และแล้ว..เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

มีความสุขเมื่อชีวิตนี้มีเพื่อนสนิทคนใหม่ที่มาแทนเพื่อนรักที่จากไปเสียที
ตอนนี้เราไม่ต้องทรมานกับความรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวอีกแล้ว

ท้องฟ้าตอนนี้มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาแล้ว

ดีจัง!

ตุลาคม 16, 2550

ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง

การก้าวเท้าไปข้างหน้า
บางครั้งยังยากลำบาก
เพราะเราเองเหมือนมีมือคอยรั้งไว้ให้เท้าหนัก
เป็นไปได้ไหมที่เสียงกระซิบจะมีพลังพอ
ทำให้เรื่องบางเรื่องเป็นที่รับรู้กันได้
กำลังใจที่มีเสมอมา ทำให้เรารู้แล้วว่า
หนทางที่มีค่า เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ
แต่เป็นที่จิตใจ... ที่เคียงข้างกันเสมอในวันที่เกิดปัญหา
ในวันที่เศร้า และในวันที่ต้องกดดันกับเรื่องราวมากมาย
พัดกระหน่ำเข้ามาในชีวิตคนเรา

เพียงกำลังใจเล็กๆที่ให้กัน
สามารถทำให้การก้าวเท้าที่หนัก
กลายเป็นผ่อนคลาย
ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบาก
เพราะมีกำลังใจ
เพราะมีพลัง
หลายครั้งรำคาญความเห็นของคนบางคน
ที่คล้ายก่อกวนประสาท โดยที่คนกวนไม่เคยเหลียวมองตัวเอง
อย่าคิดว่าการทำตัวไม่ดีไม่มีคนรู้
เคยทำอะไรไว้ อย่างน้อย คนทำก็ย่อมรู้ดี
สมควรแล้วที่ไม่ต้องพึ่งพา...
ท้องฟ้ายังคงคล้ำหม่นด้วยเมฆที่เคล้าคลุกกับสีเทา
ละอองน้ำในอากาศสัมผัสผิวบางเบา
น้ำตาเหือดแห้ง เหลือเพียงรอยยิ้มสดใสหัวใจกลัดหนอง
ความจริงคือความจริง
สิ่งที่หลุดมือไป ยังคงไม่หวนกลับมา
สิ่งที่อยู่ในมือ บางครั้งไม่เคยคิดต้องการอย่างแท้จริง

สวรรค์อยู่ไหน คนเราเลือกได้ไหมว่าจะไปสวรรค์หรือนรก

เป็นไปได้แน่ ถ้าเรารู้ว่า... ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง

ตุลาคม 15, 2550

ผู้รู้ที่แท้จริงคืออะไร

คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรบ้าง
และพร้อมที่จะเรียนรู้ และไม่แสดงภูมิอวดอ้างว่าตัวเองเก่ง
พวกยกตนข่มท่าน อ่านประสบการณ์มาก
คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ผู้รู้ที่แท้จริงทั้งนั้น

การกระทำสื่อให้เรารู้ว่าใครเป็นเช่นไร
คิดก่อนทำ จึงยังสดใหม่อยู่เสมอครับ

บุญรักษา

6th Recording Session

On Oct 13, I picked up P'Koon around 1:45 pm to the studio because
Krachai shifted the regular schedule to 2:00 pm.
When we arrived, I still had to wait for the room to be ready about 2 hours.
And before start recording, P'Koon, Krachai and I went to eat lunch (or dinner?)
at the market nearby.

We recorded "me in the dark" for melody rhythm section. My left fingers was
not as hurt as chord rhythm section (which I at last could not do it, Krachai did)

So recording time was from 5:30 (or 6:00 pm) till 10:30 pm.

Next week no schedule for Tues and Thurs and also Sat I cannot come to record
because of my daughter's birthday.

Wow.. I have to write thank you message for the CD cover too!
Wish me luck!

ตุลาคม 12, 2550

ในคืนที่ฉันเปียก

ฝนตกหนัก ช่วงนี้ ตอนกลางคืน เมื่อเดินออกไปนอกบ้าน
ห่าฝนกระหน่ำไม่หยุดหายใจ ราดตัวเธอจนเปียกปอน
ชุดนอนเธอถอด เปลือยกายยืนนอกบ้าน รับฝนยามดึกอย่างสบายใจ
เพราะไม่มีวันที่ใครจะเห็นได้ (ตามความคิดของเธอ)

เม็ดฝนชนเข้ากับเปลือกตา หลับตาลง ขยี้ตา
ทั่วกายเปียกปอน หยาดหยดรดกายเปล่า สุขสม

และกลับเข้านอนทั้งกายเปียก พร้อมตื่นขึ้นมา..เป็นหวัด

ตุลาคม 10, 2550

สิ่งที่มอบให้โดยไม่หวังให้เธอได้รู้

ในห้องทำงาน บนชั้นยี่สิบเอ็ด ที่ตึกแห่งหนึ่งบนถนนสายใหญ่
มีพนักงานออฟฟิซหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่ง กำลังแอบรักพนักงานออฟฟิซหญิงคนหนึ่ง
สิ่งที่เขามอบให้เธอเสมอ แทบทุกวัน คือสิ่งของเล็กๆน้อยๆ ตามที่ใจเขาอยากให้
เขาไม่เคยหวังอะไรตอบแทนจากเธอ แม้เพียงการรับรู้ว่าตัวเขาเองคือผู้ให้
โดยทุกวันเขามอบอะไรให้เธอ เขาจะไม่บอกเธอให้รู้ และเธอจะไม่รู้ว่าใครให้
อย่างเช่น ขนมหวาน หนังสือ ซีดีเพลง ดีวีดีหนัง เพลง mp3 ซึ่งทุกวันตอนเช้า
เขาจะเอามาแอบวางไว้ที่โต๊ะเธอ และติดโน้ตเดิมๆว่า "ขอให้สนุกนะครับ"

ปรกติ ชายหนุ่มมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เขาไม่เคยมาสาย และกลับบ้านตรงเวลา
ไม่เคยกลับช้า และสิ่งที่เขามักทำประจำคือ ชงกาแฟตอนเช้า และไม่ล้างแก้ว
แต่จะล้างตอนเช้าของวันถัดไป ปล่อยให้ถ้วยกาแฟทิ้งไว้ ก่อนกลับบ้านในทุกวัน

มาช่วงหลังๆ เขารู้สึกแปลกใจ ทำไมตอนเช้าที่เขามา ถ้วยกาแฟของเขาสะอาด
เพราะไม่มีน้ำสีดำออกมาตอนล้าง เหมือนไม่มีคราบกาแฟอยู่มาก่อน
เขารู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม และไม่ได้สงสัย

อยู่มาวันหนึ่ง ชายหนุ่มกลับบ้านตรงเวลา คือเลิกงาน ก็กลับ แต่เนื่องจาก
มีงานด่วนที่เขาต้องเข้ามาที่ออฟฟิซ ตอนนั้นเขาเดินทางออกไปได้ซักพักแล้ว
เมื่อเขาออกจากลิฟต์ เพื่อเดินเข้าออฟฟิซ เขาพบว่าหญิงผู้นั้นกำลังเดินสวนออกมา
เธอทำหน้าตกใจเมื่อเห็นเขา และก้มหน้าลงรีบเดินสวนไปทันที

ในมือหนึ่งของเธอถือแก้วของเขาอยู่ และมีขวดน้ำยาล้างแก้วอยู่อีกมือ
ที่โต๊ะของเขา ไม่มีแก้วกาแฟวางอยู่...

ตุลาคม 09, 2550

นิทานมั่วนิ่ม

นานมาแล้วมีหมาพูดได้
มันเป็นหมาที่ชอบพูดคำหยาบ ทะลึ่ง ลามก จกเปรต รับไม่ได้
อยู่มาวันหนึ่ง หมาตัวนี้ เดินเข้าไปในวังของพระราชา
ด้วยในคลัง Vocab มันมี ทำให้มันพูดแต่คำหยาบๆให้พระราชาฟัง
ด้วยพระราชา เกิดมาก็ฟังแต่ราชาศัพท์ เลยตื่นเต้นมากกับ Vocab ของหมา
พระราชาเลยพระราชทานบ้านหมา ติดแม่น้ำ ให้หลังนึง พร้อมกระดูกควายอีกสิบกิโล

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ปากหมา ได้ดี มีเหมือนกัน... (จริงอ่า 555+ ตลกคนเดียว -_-')

เปลี่ยนแปลง

ท่ามกลางความสับสน อยากบอกอะไรบ้างกับเธอ ที่ตอนนี้ไม่ยอมเรียกตัวเองว่าหนู
นี่คืออีกสิ่งที่เราสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ...เธอเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ...

มันก็แค่ความรู้สึกบางอย่าง เหมือนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
ใกล้สัมผัสความร้อนของผิวดวงอาทิตย์ ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดได้
ในหนังเรื่อง Sunshine ... ความฝันว่ากำลังถูกดูดเข้าไปในดวงอาทิตย์
จนมอดไหม้ตายไปในกองเพลิงร้อนแรงของดวงอาทิตย์... เผาไหม้กายดับ

ความเปลี่ยนแปลง บางครั้งเกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ และไม่ทันสังเกต
เราเองคล้ายไม่เคยรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราเอง เพราะไม่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลง
มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ เหมือนการหัดขี่จักรยาน
เรามักลืมขั้นตอนการหัดขี่จักรยานจนหมดสิ้น เมื่อเราขี่จักรยานได้แล้ว
และนี่อาจเป็นเหตุผลเดียวกับคนที่ลืมบุญคุณคนอื่น
เมื่อสมหวังในสิ่งที่อยากได้แล้ว วิธีการได้มาย่อมไม่สำคัญเท่าสิ่งที่อยู่ในมือ

ปัญหาที่อยู่ในใจคนเราทุกคน คือทำอย่างไรให้รู้ตัว รู้ตื่น รู้เบิกบาน ตลอดเวลา
สติ เป็นสิ่งสำคัญ บ่อยครั้ง ผมห่างไกลคำว่ามีสติ และทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว
ทำให้ความเปลี่ยนแปลงที่ผ่านเข้ามา ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร

ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ขอเพียงเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติ
แค่นั้นก็คงเพียงพอ...

ตุลาคม 08, 2550

เหมือนฝัน...

เวลาช่วยเปลี่ยนแปลงความคิด ความรู้สึก ความเศร้า ความกังวล ความทรงจำได้จริง
บางครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ช่างไม่เหมือนกับที่คิดไว้ เหมือนฝันไป...
การที่คนบางคนได้รับรู้ข้อความที่คิดไว้โดยเราไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
สถานที่ลึกลับที่เหมือนสุสาน เก็บศพแห่งความเศร้าชื่อ nhephex blog ...

อะไรคือความจริง อะไรคือความฝัน หลายครั้งคล้ายไม่อยากตื่นจากฝัน
เพราะความฝันบางครั้งสวยงามและมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เคยคิดเล่นๆว่าความสุขนั้น ยั่งยืนถาวรแค่ไหน คำตอบง่ายดาย ไม่เคยเลย

แม้เราจะได้รับความสุขเพียงอย่างเดียวตลอดเวลา ไม่เคยได้รับความทุกข์
แต่อยากถามว่า ความรู้สึกเบื่อ คืออะไร ความสุขทำให้คนเราเบื่อหน่ายได้หรือไม่
และความเบื่อหน่าย ก็คือความทุกข์อย่างหนึ่งใช่ไหม

...

การที่ เพื่อน ได้รับรู้การดำรงอยู่ของความคิดที่เก็บไว้ในสุสานแห่งนี้เป็นเหมือนฝัน
แต่นี่คงเป็นเหตุผลบางประการที่ "กรรม" เป็นตัวกำหนด คนเราไม่อาจเก็บซ่อน
ความคิดตัวเองได้ตลอดเวลา ซักวัน ผลแห่งการกระทำจะปรากฎออกมา
ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ขอเพียงเรามีศรัทธาในสิ่งที่เราทำ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
และผลที่ได้ จะดีหรือไม่ดี ไม่สำคัญ ขอเพียงความตั้งใจของเรา คือความตั้งใจที่ดี

...

ขอบคุณที่เข้าใจ และไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่บ้าบอไร้ค่า
เพราะไม่ได้ต้องการประกาศให้โลกรู้ แต่สิ่งที่ทำคือการระบายออกซึ่งความกดดัน
ทั้งจากภายในและภายนอกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาในช่วงเวลาหลายปีนี้

ผมขอเพียงสิ่งที่ผมคิด สามารถส่งไปถึงคนที่ผมคิด และสิ่งที่ผมทำ
แค่นี้ก็เหมือนฝันพอแล้ว...

วันนี้มาทำงานสายไปครึ่งชั่วโมง...

ตุลาคม 05, 2550

หนังสือของพี่สิบเด

ได้เห็นปกแล้วครับ หนังสือรวมเรื่องสั้นของพี่สิบเดซิเบล

ชื่อหนังสือคือ "คณิตศาสตร์ รส." ออกแบบปกโดย อะแฮ่ม ปราบดา หยุ่น!

รอคอยเป็นเจ้าของกันได้แล้วนะครับ ไม่นานเกินรอ
เมื่อวานได้ข่าวจากพี่สิบว่า ได้เห็นหนังสือแล้ว สวยมาก โฮ... T_T

- ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง -

เมื่อฟ้าเปิดโปร่ง

ความเศร้า ความสุข สองอย่างขนานกันไปบนเส้นทางเดิน
หลายครั้ง เราจำเป็นต้องพักเข้าข้างทางความเศร้า
น้อยครั้ง เรามีเวลาหยุดอยู่ข้างทางความสุข

ในวันที่เราจำเป็นต้องแวะที่ข้างทางความเศร้า
พลันเราพบว่าฟ้าเปิดโปร่งโล่งแจ้ง ไม่มีเมฆหมอก
แสงแดดอ่อน ลมพัดเย็นสบาย และร่มเงาจากไม้ริมทาง

บางครั้งเราเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเรื่องที่เป็น
ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และเรื่องที่คิดก็คิดผิดๆ ไปเอง

การพูดคุยผ่าน เอ็ม เวลาห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง
ทำให้เราได้แสดงความรู้สึกลึกๆออกไป และบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ควรพูด

แต่สิ่งที่เกิดได้ทำให้เรารู้สึกว่า ท้องฟ้ายามแวะพักในฝั่งความเศร้า
เปิดโล่งให้เราได้รับแสงอบอุ่น พร้อมลมพัดเย็นสบาย ปลายฝน

ที่จริงการมีใครซักคนที่อยู่ข้างเรา และเป็นคล้ายคนผลักดันเราในที่มืดมิด
ถึงจะไม่ใช่แสดงสว่างนำทางให้เราเดิน แต่เป็นมือที่สาม ที่ผลักดันเราให้ก้าวไป
ก็เป็นสิ่งที่ดีและเทียบเท่าเรากำลังแวะอยู่ฝั่งความสุขเลยทีเดียว

หรือไม่แน่ ขณะนี้ เรากำลังอยู่บนทางที่ฝั่งความสุขและความทุกข์
เข้ามาบรรจบกันพอดี...

ตุลาคม 03, 2550

จากลา

เสียงรถบนถนนที่จอแจ ควันรถ และผู้คนเดินไปมา
ในหัวสมองก้อนกลมไร้ความหวัง หมายเพียงสูดลมหายใจต่อไปแต่ละวัน
การเมินเฉยเกิดขึ้นจากการไร้การสื่อสารใดๆต่อกัน เพียงน้ำใจที่แบ่งปัน
หลับตาลง มีเพียง "เพื่อนรัก" คนเดิมที่จากไป กำลังนั่งคุยกันข้างๆ
ไม่มีสิ่งใดมากกว่านี้ แทบทุกวันที่เหลืออยู่ในที่แห่งนี้ หามีที่พึ่งพิงทางใจใดๆเหลืออยู่

หลับตาลง มีเพียง "ความอึดอัด" ที่เกิดจากต้องจำทนอยู่ในสถานที่แห้งเหือด
และมีผู้ก่อการร้ายที่เคยทำชั่วช้าใส่แบบลับหลัง ยังคงมีชีวิตปรกติอยู่ที่นี่
ต้องอดทนต่อไป ตราบเท่าที่ สัญญา ยังคงผูกมัด เวลานับถอยหลัง อยากเพียงจากไป
อยากเพียงสถานที่ที่มีความหวัง มีความหมาย และมี "เพื่อน" ที่เรารัก ให้พักพิง

ความฝันปรกติเกิดตอนหลับ ถ้ามันสามารถผนึกรวมเข้าด้วยกันกับ ชีวิตปรกติได้ก็คงดี
เราจะให้ภาพฝัน กับสิ่งจริง ซ้อนทับกันและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและมีความหวัง
หากการจากลาเมื่อวาน สื่อสารข้อความบางอย่าง ผมพร้อมแล้วที่จะรองรับ
เป็นความสลดใจแต่มีที่ยึดเหนี่ยวทางใจได้จากลาไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงความทรงจำดีๆ
ที่มันเข้ามาอย่างรวดเร็วและจากไปแล้วไม่หวนกลับมา น้ำตาที่ไม่ไหลใช่ว่าไม่รู้สึก แต่ไม่จำเป็น
ร่างกายที่ไร้ชีวิตคืออะไร หลายครั้งที่เคยเป็น และตอนนี้กลับมาเป็นอีกครั้ง
เราต้องกล้ำกลืนความเศร้าเข้าไปในร่างกาย เพื่อแทนวิญญาณเราอีกนานแค่ไหน กว่าที่เราจะ...

จากลา

ตุลาคม 02, 2550

No recording today (again?)

Cancel Again... for today recording...

เพียงในใจ

จริงอยู่ ความหวังคือสิ่งที่สวยงาม มากคุณค่า สำหรับคนเราทุกคน
หลายครั้งที่เราทำอะไรแล้วหวังผล แต่มีปัญหาคือ ไม่มีการตอบกลับใดๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าความหวังไม่สมหวัง เราต้องมีทางออกสำหรับตัวเอง

ผมเฝ้าคอยความเป็นกันเองแบบสนิทสนม ด้วยความหวังดีสม่ำเสมอ
เป็นความหวังดีไม่ว่าเวลาไหน ที่ใด มันมาจากใจ คิดถึง ห่วงใย ไม่มีทิ้งกัน

ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำ คือความจริงใจ ที่ให้ไปโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
มันคือน้ำใจ มันคือสิ่งที่ไม่มีค่ามากมายแต่มีความหมายบางอย่าง ทำให้คนเราสุขใจ

หวังเพียงว่า ทุกครั้ง สิ่งที่ทำ ทำให้เธอมีความสุขไม่มากก็น้อย
หวังเพียงว่า วันหนึ่ง สิ่งที่ทำ จะส่งให้เธอเป็นเพื่อนรักผม

แต่วันเวลาผ่านไป ทุกอย่างยังคงลือนลางเหลือเกิน
ผมไม่เห็นว่าการกระทำของผมมีความหมายอะไรมากนัก
มันคงทำให้ผมรู้สึกเสียใจบ้างเป็นธรรมดา
แต่อย่างน้อย ในทุกวันที่ผมดำเนินชีวิต ผมมีความสุขใจ มีแรงก้าวเดิน ทำงาน

ความจริง เธออาจไม่เข้าใจ คนเรามีความละเอียดอ่อนทางใจไม่เท่ากัน
บางคนเข้มแข็ง บางคนอ่อนแอ แต่ทุกคนมีหัวใจแน่นอน

หวังว่าคงไม่รบกวนเกินไปนักถ้าจะเพียงสงบนิ่ง
คงเพียงคิดว่าสิ่งที่จะเกิดในอนาคตคืออะไร มันคงเศร้าสร้อยอยู่บ้าง
หวังว่าสิ่งที่ต้องการและเฝ้าคอย อยู่ในใจ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจริง

ทุกอย่าง ... เพียงในใจ ก็เพียงพอ

กันยายน 30, 2550

5th Recording Session

29/09/07... I recorded "Lie to me once more" from 11:30-16:00.
This may be the earliest Saturday session ever since
P'Koon had to go to an event.
I didn't go with him because my wife was alone
feeding my daughter so I had to help her.

The studio room was rearranged for upcoming drums and my fingers weren't too hurt. That's good. oh Krachai lend me CDs of Thai pop band "Meaw-Err+".

Next recording session will be on
this Tuesday.
:)

กันยายน 28, 2550

ท่ามกลางสายฝนที่เย็นฉ่ำ

เวลาที่ฝนตก หัวใจที่อยู่ห้องซ้าย จะทำหน้าที่แปลกๆ
หลายครั้งที่ฝนตก อารมณ์ที่เกิดคืออารมณ์เหงา
แต่บางครั้ง อารมณ์ที่เกิด คืออารมณ์สวยงาม

การหลับตาโดยได้ยินเสียงฝนตกกระทบสิ่งต่างๆ
ทำให้ผมมีความสุข ถ้าได้ละอองน้ำฝน ส่งกระทบร่างกายฉ่ำเย็น
เหมือนเวลาเอาหน้าออกนอกหน้าต่างรถ ที่วิ่งเรียบทะเล
ละอองน้ำทะเลพัดเอาความเหนียวของน้ำเค็ม
กระทบกระทั่งกระเทือนกระทำกับผิวหนังที่เริ่มชุ่ม

ผมอยากให้คนเรามีความสุขกันเสมอ
เวลาอธิฐาน คำที่ติดคือ "ขอให้ทุกคนมีความสุข อยู่ดีกินดี"
แค่นี้เองที่อธิฐาน

วันนี้ตอนเช้าฝนปอย ไม่หนักหนา หวังว่าคงเป็นแบบนี้ตลอดไป
ความสุขจะอยู่คู่ผมตลอดไป ....

ฉ่ำเย็น

กันยายน 27, 2550

love me in the way you are going out to a fun fair...

อีก 12 นาที เข้าประชุม

ผมได้ยินเสียงของเครื่องโน้ตบุ้ค ที่ตั้งใกล้ๆ
ส่งสัญญาณ infrared มาเครื่องผม
และมีเสียงเตือนเข้ามาทุกครั้งที่มันตรวจเจอ

ขณะนี้ในหูฟังผม เปิดเพลง love me in the dark version 2
ผมกำลังทำงานอย่างไม่ตั้งใจ

เมื่อเช้า กระชายโทรมา ของด อัดวันนี้ เพราะต้องการ
จัดการกับ line กลอง และ line อื่นๆ ให้เรียบร้อย
เพื่อการอัดจะได้ดียิ่งขึ้น และให้มาวันเสาร์เลย

วันนี้เลยเป็นวันที่ไม่ต้องไปอัดเพลงตามที่ตั้งใจไว้
ก็ดีเหมือนกันครับ

...

บางครั้งภาพประทับใจ มันง่ายๆ
เพียงเราหันหลังกลับไป จะเห็น
ภาพที่เราเห็น คือภาพที่เราคิด
มันเป็นภาพที่อยู่ในหัวสมอง
มันเป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นจริง เพราะเราไม่ทำ

ฝนไม่ตกในตอนเช้า
และตอนมาถึงใหม่ๆ เอาเพลงประกอบ
Love storm ของ Vivian Hsu มาตัดเป็น ringtone
และเพลงของ Morning Musume ด้วย

เป็นความสุขเล็กน้อยเพื่อให้ไม่ต้องคิดอะไรมาก
บางทีเพลงป๊อบ ทำให้เรามีความสุข
แต่ตอนนี้ในหูฟังเป็นเพลง me in the dark
ก็เลยคิดว่า ถ้าคุณจะรักผม
ผมอยากให้คุณ รักผมเหมือนเวลาคุณไปเที่ยวสวนสนุกนะครับ

อารมณ์ที่รอคอยความตื่นเต้น
อารมณ์ที่จะพบความเสียว

แต่มันสั้น และจบลงแน่ๆ ในวันนั้นแหล่ะ

จะเหลือทิ้งไว้ในใจคุณ คือความประทับใจ และอยากกลับมาอีก
ในวันข้างหน้า ซึ่งไม่รู้จะอีกนานแค่ไหน หรือไม่ก็ไม่มีโอกาสอีกเลย

...

ถึงตรงนี้ ผมนึกถึงตอนอยู่อเมริกา
ใช่ ผมนึกถึง Six Flags หรือไม่ก็ Disney Land

ผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวพวกนี้เท่าไหร่
แต่ผมก็ได้ไปแน่ๆ ที่จำได้ประมาณ 4 ครั้ง
แต่ละครั้ง มีความสุขทุกครั้ง
มันเป็นความสุขที่เราไม่อาจสร้างได้ง่าย ถ้าไม่มีโอกาส
เพราะมันต้องสร้าง ต้องคิด และมีจุดวาง

ผมหวังว่าวันนี้ผมจะไม่เศร้าสร้อย

กันยายน 26, 2550

sql

ไม่ทันที่ผมจะ

insert into ใจเรา
(คนที่เรารัก,สิ่งที่เราให้,สิ่งที่เราต้องการ)
Values
(เธอไง,หัวใจเรา,ความรักจากเธอ);

ก่อนที่จะถึงวลีถัดไป คือ

commit;

ทันใดเธอก็รีบ

rollback;
แล้ว
exit;

ทันที..

free form 150 บาท!?!

กะจะซื้อ
ดูราคา
ซื้อไม่ลงอะ
ทำไมไม่ค่อยๆทยอยออกราคาน้อยๆล่ะครับ
ออกทีละแพงๆ คนแบบผมก็ลังเลจิ

คงไม่ซื้อละครับ เสียน้อยเสียง่าย เสียมากเสียยาก :P

บันทึกเสียงวันที่ 4

เมื่อวานไปบันทึกเสียงวันที่ 4 หลังจากเลิกงาน
รถติดมากๆ แต่ดีที่วันนี้หุยไปอยู่บ้านแม่ รอผมไปอัด
แล้วจะได้กลับพร้อมกัน บ้านแม่หุยอยู่ใกล้กว่าบ้านผม
ถ้าจะไปห้องอัด

ไปถึงประมาณเกือบๆ 2 ทุ่มครับ และได้พยายามอัดเพลง
Me in the dark กัน จน 4 ทุ่ม

สรุปผมเล่นไม่ไหว เพราะกีตาร์แข็งมากๆ (สาย)
คือมันบอด ตลอด ไม่มีทางเนี๊ยบ

ก็เลยจำเป็นต้องให้ line นี้เป็นของน้องกระชายไปอย่างช่วยไม่ได้
T_T เอาเป็นว่า line อื่นผมจะเล่นให้ดีที่สุดแล้วกันครับ
เศร้าแท้

กันยายน 25, 2550

เพียงเล็กน้อย

สิ่งที่ผมต้องการ เพียงเล็กน้อย...ในทุกวัน
คือการสื่อสารที่ไม่มากมาย... เพียงสองคน
ความพิเศษเล็กน้อย ไม่ยิ่งใหญ่... แต่มีค่ามาก
เหมือนเรารู้กันว่า ในทุกวันที่มา... มาเพื่อสิ่งนี้

เหมือนเห็นแก่ตัว ที่ต้องการ เรียกร้อง จากคนอื่น
บางครั้ง ชีวิตไม่มีอะไรมากมายกว่านี้ไม่ใช่หรือ
บางคนมีเงินมีทรัพย์ แต่ไม่เคยมีความสุข
บางคนไม่มีอะไรเลย แต่มีความสุขกับสิ่งเล็กน้อย

หลายครั้งผมสงสัยว่าทำไมผมต้องเป็นคนคิดมาก
จะว่าไปผมคิดตลอดเวลา ไม่ว่าที่ไหน อย่างไร
แม้แต่หลับก็ยังคิด (ฝัน) ไม่เคยพักจริงๆเลย
ถ้าหากคนคิดตลอดเวลาแบบผม มีที่พึ่งบ้าง
ชีวิตก็คงดีกว่านี้ ไม่ต้องทรมานแบบนี้

ผมหวังเพียงแสงสว่างจะสาดส่องเข้ามาบ้างในยามที่อ้างว้าง
ในยามที่ไร้ซึ่งกำลังใจใดๆจากใคร
ในที่ที่มีเพียงสิ่งที่ไร้ความหมาย รอบกายมีแต่ "ว่างเปล่า"
ใช่ มันคือไร้ความหมายในความรู้สึก
เพียรบอกตัวเองให้เข้มแข็งกว่านี้ อีกหน่อยเราคงผ่านพ้น
บางครั้ง ทำดีแล้วไม่ได้ดี อะไรจะร้ายกาจเท่านี้อีกเล่า


ผมไม่อยากทน... ในที่ที่ "ไร้ความหวัง" ...
คงยากจะเอ่ย นอกจากเอามาระบายในนี้
ลำพัง...

กันยายน 24, 2550

..

เค้าก็มองเราเหมือนเดิมแหล่ะ
เราก็มองเค้าเหมือนไม่มีตัวตน
มีแต่ความรู้สึกที่ให้ หน้าก็ไม่มอง
เราแค่สัมผัสได้ถึงความมีอยู่
การสบตายังแทบไม่ได้ทำ
เรารู้ว่ามันยากจะทำใจว่ะ
แต่เราก็คงต้องทำใจ ตอนนี้ก็ต้องยุ่งๆ
งานมันก็เยอะ อย่าคิดมากเลย
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
เราอยากบอกว่า มัดผม นี่ทำให้หน้าดีขึ้นนะ
แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มไงดี
เค้าก็คงมองเราเหมือนเดิมแหล่ะว่ะ
เหมือนตอนเอ็มส่งเพลงมา
มันก็คงอารมณ์นั้น แบบ เออ เพลง
คือไม่ได้มีอะไรแปลกๆ
ก็เป็นอารมณ์หนึ่งในชีวิตที่เกิดขึ้น
และคงดับไปในอนาคตกาล

เราว่ากว่าเราจะเข้าใจโลกนี้ทั้งหมด
หรือรู้ทันมันหมด
เราคงไม่มีโอกาสว่ะ
แล้วไงดี จะคุยกับตัวเองอีกนานไหม
ทำงานต่อได้แล้ว!

You hate yourself and want to die

- my little poem -

You hate yourself and want to die.
But you love me so please don't die.
Everyone may have a chance to hate himself once in a while.
So if you love me, could you please don't die.

I just want to tell you.
I will be on your side all of my life.

So please don't die, don't commit suicide.

I love you all the time.

(Inspired by a song called "I love you all the time" - by sonic youth)

คุณอยากเกิดเป็นคนชาติไหน

เหมือนจะสงสัยแป็นช่วงๆที่เกิดมาเป็นคนไทย
คำถามคือ เราพอใจในการเป็นคนไทยไหม
ชีวิตปัจจุบัน ดีแล้วหรือยัง
อยากเกิดเป็นคนชาติอื่นๆหรือเปล่า

ถ้าชีวิตหลังความตายมีจริง
เราจะคุยกับคนอื่นๆด้วยภาษาเดียวกันหรือหลายๆภาษา
ทำไมต้องตาย
ถ้าเกิดมาแล้วมีทุกข์ ทำไมต้องทุกข์
ในเมื่อชีวิตต้องมีทั้งทุกข์และสุข
สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี ต้องมีกันทั่วหน้า
แล้วเหตุผลในการเกิด มันคืออะไร
... อยากมีสุขแล้วทุกข์บ้าง?

คำถามมากมายถูกต่อยอดออกไป
เพียงบางครั้งอยากรู้ว่า

เราอยากเกิดเป็นคนชาติไหน

ขอเพียง

....แล้วต่อจากนี้ไป คุณจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร.... ผมคิด

เมื่อไหร่คนเราจะเข้าใจ
เธอเดินเข้ามาในโลกแห่งความฝัน
แล้วเธอไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ที่จับต้องได้

"ผมอยากจับมือคุณ เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าคุณเป็นของผม"

เสียงเพลงของวง Radish มีเนื้อเพลงประมาณนี้ในท่อน Hook

ก้าวขาเดินขึ้นจากรถไฟฟ้าใต้ดิน
เพื่อต่อรถไฟฟ้า BTS
ผมเปลี่ยนเพลงจาก Ian Brown ชุดใหม่ เป็น Radish
และอุตสาห์ตั้งใจฟังเนื้อเพลง

ใช่ เพลงมันดิบๆ ง่ายๆ แบบนี้เอง

"ผมอยากสัมผัสคุณ (ในที่นี้คนไทยคงใช้กับจับมือ) เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าคุณเป็นของผม"

เช้านี้ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหา
เพียงบางอย่างที่ต้องการ ไม่สามารถเป็นไปได้

อีกหนึ่งนาทีเที่ยง...

กันยายน 23, 2550

3rd recording day!

Yesterday we recorded Cuba, Ballyw00d. 1 song was done.
I couldn't play Me in the dark.(My fingers were too hurt)
So recording stop at 8.00 pm. :P I'll be back again this Tuesday... And also Thursday... Hopefully,it will be done this December!

กันยายน 21, 2550

ความอ่อนแอของชีวจิต

เดือนกันยายน สภาพอากาศเย็นสบายใกล้เข้าหน้าหนาว
ปุ้ย ย้ายเข้ามาพักในบ้านพักของ เอก ชั่วคราว
เอกนั่งเล่นกีตาร์ให้ปุ้ยฟังตอนกลางคืน

คืนแรก เปิดหนังสือเพลงไปร้องไป ใบหน้าเริ่มใกล้กัน
ด้วยความเหงา และห่างจากคนรัก
เอกเอาหน้าไปซบที่อกของปุ้ย...

มนุษย์กำลังเดินทางไปสู่จุดจบ
แต่ใช่ว่าระหว่างทางมักจะไร้รสชาติ
บางครั้ง ลมหายใจที่ไหลทั่วร่าง
ร้อนผ่านราวเป็นไฟแผดเผา

ผมก้มหน้าทำงานอีกครั้ง

thurston moore ออกอัลบั้มใหม่ (18 กย นี้เอง!)

ข่าวดีสำหรับแฟนๆ สาวก วง Sonic Youth และ Thurston Moore (gtr.+vocal)

ตอนนี้อัลบั้มใหม่ของ Thurston เพิ่งออกมาได้ไม่กี่วันนี้เองครับ
เป็นแนว acoustic guitar ไวโอลิน และกลอง (เบสด้วย บางๆ)
มีเสียง noise ผสมอยู่นิดหน่อย (ไม่น่ารำคาญมากนัก)
อ่อ มันมี melody ตาม style Thurston ด้วยนะ (เพราะแบบแปลกๆ)

ลองหาฟังได้แล้ว ครับ ตาม mininova เน้อ

:)

ปล ถ้ามีโอกาสซื้อ CD แท้จะซื้อครับ

กันยายน 20, 2550

ความสดชื่นจบลงท่ามกลางความสับสนของปริมาณสายธารแห่งงาน

ดึกแล้ว
เงียบงัน ไม่มีเสียงมากนัก
หลังจากความสุขได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ทุกอย่างจบลงท่ามกลางความสับสน

โรงหนังปิดประตูเมื่อคนออกไปหมด
สวนสนุกหมดเวลาให้คนเข้าไปเดินเล่น
ไฟฟ้าหมดพลังจากโรงงาน

ผมหลับตาลง และตัดสินใจที่จะลืม
ความสุขที่ผ่านมาได้ผ่านไปแล้ว

นาฬิกายังคงเดิน...

ความเจ็บปวดที่เกิดจากอะไร...

หลายครั้งที่เราเหม่อลอยออกไป คล้ายกับว่ามีเพียงตัวเองคนเดียวในโลก
มองไปทางไหน เฝ้ารอคอย ไม่มีอะไรตอบกลับมา
ภาพแห่งความประทับใจนับเวลาล่วงเลย ค่อยๆสลายตัวเองลงช้าๆ
เหมือนกับโลกที่หมุนไปเอื่อยๆ รอบตัวเอง

ความสุขที่สุด อาจผ่านเข้ามาเพียงชั่วขณะ และจากไป
ทิ้งไว้เพียงความคาดหวังที่จะมีความสุขแบบนั้นอีกครั้งในวันข้างหน้า
คนเรามักไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรคือความสุขกันแน่
ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ในโลกนี้ คงเพียงหวังว่า
วันดีๆที่เคยพบ จะกลับมาใหม่ เหมือนรอคอยฝนยามหน้าร้อน
ไอแดดแรงทำให้เหงื่อท่วมกาย

คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามที่ค้างในหัว
คือ เลิกคาดหวังอะไร จะดีกว่า

เพราะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า การตามหา บางครั้ง
ยากเหลือเกินที่จะพบ เช่นกันกับความรู้สึกดีๆ
ยากเหลือเกินที่จะกลับมาใหม่ในวันต่อๆไป

วันต่อวัน เรามักพบทั้งความสมหวังและผิดหวัง
ยากนักที่จะพบความสมหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีทางเลยทีเดียว
แต่อย่างน้อย ถ้าเรารู้ว่าเราต้องการอะไร และทำอะไร

ผลที่ได้รับอาจไม่เท่ากันทุกๆวัน แต่อย่างน้อย ก็เป็นเหมือนน้ำมันที่ราดลงในกองหญ้า
แม้เพียงเล็กน้อย แต่จะสามารถเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดไฟลุกโหมกระหน่ำต่อไปได้

ความคิดคนเราไม่สามารถคงที่ บางครั้ง สิ่งที่แสงดออกมาไม่สามารถระบุแน่ชัดได้
ว่าคือคิดดี หรือไม่ดี แต่อย่างน้อย ถ้ามีรูปแบบที่แน่นอน ในทุกครั้งที่เกิด
ก็จะช่วยให้ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนและแตกยิบย่อยได้เสมอ ไม่แตกออก
น้ำใจเป็นสิ่งงดงาม ยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบเปรย

คนเราควรระลึกเพียงน้ำใจอยู่เสมอๆ
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรง หรือกระทบใจ ถ้าเรามีความระลึกถึงน้ำใจไว้
ความเจ็บปวดที่เกิดจากเรื่องร้ายๆอาจทุเลาเบาบาง

ผมไม่อาจคาดหวัง สิ่งที่ทำ ระลึกเพียงน้ำใจไว้

เป็นไปได้มากว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างอาจพังครืน
แต่น้ำใจที่เคยเกิด ย่อมไม่สลายหายไปกับความล่มสลายของจิตใจนั้น
ตราบนานเท่านาน

จำไว้ว่า ... เมื่อทำดีแล้ว ความดีจะยั่งยืนต่อไป
แม้เวลาผ่าน เหตุการณ์เปลี่ยน ชีวิตไม่คงที่เหมือนเดิม
คงไม่สามารถลบสิ่งดีที่เกิดได้หรอก

หวังว่าวันนี้ทุกอย่างคงชัดขึ้นตามเวลาที่เดินไป...

ผมเพียงคิด.. ความเจ็บปวดที่เกิด ... เกิดจากอะไร

บางครั้ง ความทุกข์ทำให้ชีวิตไปในทางที่ดี -- Cinema Paradiso

ให้เลือกระหว่าง สมหวังในความรัก มีคนรักอยู่คู่กาย
กับต้องพลัดพรากจากคนรัก ทุกข์แสนสาหัส แต่...ใช้ความทุกข์
เป็นพลังขับดันในการทำงานสร้างสรรค์ผลงานได้สำเร็จ
ประสบพบกับชื่อเสียง จากที่ไม่มีอะไรเลย กัดฟันสู้
เป็นคุณ จะเลือกอย่างไหน

หนังเรื่อง Cinema Paradiso ยาวมากครับ และหนังได้จุดประเด็น
ที่ผมคิดว่ายิ่งใหญ่มากๆ ก็คือ ถ้าคุณเป็นอัลเฟร็ด
คุณจะทำให้โตโต้ พบกับความรักที่สมหวังกับคนที่เขารัก
หรือคุณจะทำอย่างที่อัลเฟรดทำ ทำให้โตโต้ผิดหวัง
แต่กลับเป็นพลังทำให้เขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคจนกระทั่ง
เป็นผู้กำกับหนังที่ยิ่งใหญ่ เมื่ออัลเฟรดเห็นแววว่าโตโต้จะทำได้
เพียงแต่ถ้า โตโต้เลือกที่จะไปทางความรัก สิ่งนั้นจะทำให้
โตโต้มีภาระ และคงทำให้เขาจบลงเป็นเพียงพนักงานฉายหนังต่อไป

แต่อัลเฟรด เลือกจะทำให้คนที่เขารัก คือ โตโต้ เจ็บปวด
นั่นคือ หลอกไม่ให้โตโต้ กับคนที่รัก สามารถติดต่อกันได้สำเร็จ
เขาเลือกแบบนี้ เพื่ออนาคตของโตโต้เอง

ภาพฟิลม์ที่ระลึก ของชิ้นสุดท้ายที่อัลเฟรดเหลือให้โตโต้ หลังจากที่ตาย
มันคือ footage เก่าๆ ของฉากจูบจากหนังมากมาย ที่โดนตัด สมัยโตโต้ยังเล็ก
มันคือตัวแทน หรือสัญลักษณ์ของความสมหวังในรัก
อัลเฟรดเลือกจะเป็นผู้เก็บรักษาความสมหวังในรักของโตโต้ไว้ในกล่องใส่ฟิลม์นั้น
รอวันที่เขาตาย และให้โตโต้ได้เห็น เขารู้ว่าเขาอาจทำผิดที่ทำร้ายจิตใจโตโต้

แต่นั่น กลับเป็นสิ่งที่ถูก เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณจะเข้าใจว่า ทำไม ความรัก
ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญและบางครั้งยังอาจมีผลต่อชีวิตข้างหน้าของคุณด้วย

ผมคงไม่มีความเห็นขัดแย้งใดๆกับอัลเฟรด
แต่สำหรับผม เรื่องรักคือเรื่องใหญ่ที่สุด ผมไม่เชื่อในความคิดอัลเฟรด แต่ผมเข้าใจ
ดังนั้นถ้าเป็นผมจึงเลือกเดินตาม "ความรัก" มากกว่า "ความสำเร็จ" ครับ
ไม่ว่าผมจะอายุเท่าไร ผมเชื่อว่า ความรัก คือความสำเร็จ
มันสำเร็จกว่าความสำเร็จใดๆ ถ้าผมจบลงที่เป็น โนเนม หน้ามึน แต่ตลอดมา
ผมมีคนรักที่อยู่ข้างกายผมเสมอๆ จนวันสุดท้ายของชีวิต

ผมคิดว่า ผมเลือกจะเป็นโนเนม ดีกว่าเลือกเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่เคย
มีคนรักเคียงข้างเลย.. ชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็น กับชีวิตที่เต็ม
ผมเลือกที่แบบหลัง...

กันยายน 19, 2550

ได้ยินเสียงลมหายใจของเธอไหม

"ชาติก่อนเราเคยพบกันหรือเปล่าครับ"
คำถามที่คาใจผมเสมอ เวลาที่ผมพบกับเธอ

วันนี้การเดินทางเป็นไปอย่างสงบ เหงื่อแตกบ้าง เพราะต้องเดิน
ระยะทางที่เดิน ก็ไม่ได้มากไปกว่าการรออาหารตามสั่ง
ที่ทำตามออเดอร์ บางที่คิวยาว อาหารกว่าจะได้ ยังนานกว่าการเดินนี้อีก

ผมพบเธอวันนี้ อย่างแรกที่ผมตกใจ
ข้อความผ่านโปรแกรมสไคปที่เธอส่งมาเมื่อวาน
ผมดีใจ "เฮ้ย..ฯ" ผมตอบเธอไป

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อารมณ์ไม่ค่อยจอย

ฝันกลางวันมีบ้าง บางครั้งไม่อยากตื่น
แต่ความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่การครอบครอง
มันคือการได้มีความหวังเสมอในที่ที่เราทำงาน

อาจเป็นเพียงเสียง หรือสายตา หรือผ่านทางการพิมพ์คุยกัน

ผมไม่หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปในทิศทางใด
นอกจากความสนิทสนมแบบเพื่อนสนิทที่ผมเคยมี

เพราะทุกวันนี้ก็แย่พอแล้ว ถ้ามีเพื่อนที่เราสนิทอยู่ใกล้ๆ เราคงไม่กลัวอะไร

หวังว่าคงไม่ต้องกางร่มตอนเย็น...

กันยายน 18, 2550

Cinema Paradiso (สะกดแบบนี้ป่าวหว่า) กับ Electric Shadow

เมื่อคืนนั่งดูหนังเรื่อง Cinema Paradiso ครับ (สะกดผิดมั้งนะ)
ทำให้นึกถึงงานเขียนหนึ่งในหนังสือหนัง ที่บอกว่า
หนังเรื่อง Electric Shadow ให้อารมณ์แบบหนังเรื่อง Cinema Paradiso
ผมชอบหนังเรื่อง Electric Shadow มาก โดยเฉพาะนักแสดงเด็กซน
ตาหยี ที่กวนๆ เป็นอะไรที่น่าประทับใจสุดๆ (เด็กเล่นดีมากๆ คัดตัวแสดงเก่ง)

สำหรับ Cinema ฯ ที่ผมคาดว่า คงให้อิทธิพลกับ Electric Shadow
กลับขาดรสชาติ บางอย่าง แต่หนังก็ดีมากๆเช่นกัน

ดูแล้วรู้สึกอยากดู Electric Shadow อีกรอบเลยอ่า :)

ปล. มีแต่ VCD อยากได้ DVD เก็บซะและ (หมายถึง Electric Shadow)

กันยายน 17, 2550

give

Today I gave my joyfullness to my dear friend.
I wish it will be a good moment.
Unfortunately, English version is better for...
But at least I did! So proud of what I've done.
Maybe it is just a kind of giving back.
For what I've received from...
my morning sun, my evening moon...

My dear friend.

2nd recording day... 13 hours!

Yesterday P'Koon and me went to the studio again.
Between 11.00am until midnight I only finished 2
tracks for 2 songs which are
"We hope the sea will keep you warm" and
"Our first day will come again".
Actually, we started to record "Mr.Passerby"
too but my left index finger was really hurt so
I just stop,let's call it's a day.
I promised Krachai and Prin,the producers
to be back again this Tuesday(without P'Koon).

Difficult part of studio recording is to play "sound"
in the right way!... Usually I am not that kind
of person but I understand how the producer
needs so wish me luck.:)

กันยายน 14, 2550

ขอบคุณ..

เธอทำให้ฉันรู้ว่า ชีวิตฉันมีค่าเพียงใด
เธอทำให้ฉันก้าวไป แม้ไม่มีใครอีกเลย

บางทีอาจเป็นเพียงฝัน คือเธอนั้นไง
แต่ก็คงดี ถ้าฝันดี มีเธอในนั้น เกิดกับฉัน

เธอทำให้หยาดฝนในใจ ที่แห้งแล้งมานาน ตกลงอีกครั้ง
คงไม่มีเหลือผู้ใด ฟังยามฉันทุกข์ใจ นอกจากตัวเธอ
เธอคือดอกไม้ในใจ คือความหมายที่มี เธอคือความหวัง
จากนี้ไปเธอจะมีฉัน เป็นเพื่อนรัก ของเธอนั้น ตลอดไป...

กันยายน 12, 2550

เก็บ

อย่าเอาเรื่องเพื่อนในแง่ร้ายไปพูดให้คนที่อยู่นอกกลุ่มฟัง
เวลาคนอื่นด่าเพื่อนจงฟังเฉยๆ หรือแก้ต่าง อย่าร่วมด่า เพื่อเอาใจคนพูด
เวลาคนอื่นมองเพื่อนด้วยมุมมองไม่ดี จงอธิบายมุมมองที่ดีที่เพื่อนคิด
ถ้าใครดูถูกเพื่อน จงเลิกคุยกับมันหรือไม่ต้องสนใจและเลิกคบไปเลย

เพื่อนแท้หายาก เมื่อมีแล้วจงรักษาให้ดี อย่าให้คนเลวที่ไม่มีค่าทำลายความเป็นเพื่อน

เพื่อนแท้มีจริง แต่สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าเพื่อนแท้ไม่แท้ อยู่ที่การกระทำ

เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เท่าที่เรารู้ว่าเรามีชีวิตอยู่
ถ้าเรายังไม่สามารถเก็บรักษาความสัมพันธ์ที่มีกับเพื่อนได้แล้ว
ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไปทำไม

บุญรักษาครับ

กันยายน 10, 2550

เพื่อนรัก ไม่ได้รักเพื่อนแบบ ชาย รักหญิง

แต่รักแบบเพื่อนรัก ที่สามารถคุยได้ทุกเรื่อง

อายุเป็นเพียงตัวเลข จะอ่อนกว่ากัน 1 , 2 , 3 หรือ 9 ปี
ยังไง เรามองเป็นเพื่อนรัก เค้าก็คือเพื่อนรัก

ถ้าคนจะมองว่าจีบ ก็ไม่เป็นไร
เราผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว
เรารู้ว่ารักเพื่อนมันเป็นอารมณ์ไหน
มันไม่ใช่เรื่องของรักแบบชายหญิง แต่รักแบบเพื่อน

หวังว่าพรุ่งนี้ท้องฟ้าคงเปิดกว้าง..
ทำให้คนบางคนปรากฏตัวออกมา

... และเราก็จะไม่ต้องทนอะไรโง่ๆเง่าๆ อีก

บางคน คำว่าเพื่อน มันยังไม่รู้จักนิยาม
การหักหลังเพื่อน ... ทำให้หมดศรัทธา
อย่าเป็นมันเลย กับเพื่อนแบบนั้น

เราต้องหาที่ยึดเหนี่ยวที่ดีพอ... เลือกคบคน!

เพื่อนรัก

นานแล้วที่เพื่อนรักจากไปอยู่ที่อื่น
ตอนนี้เพื่อนรักไม่มี เพียงหวัง ใครบางคน
จะกลายเป็นเพื่อนรัก แม้อายุน้อยกว่ากันก็ตาม
แต่รู้สึกได้ถึงบางอย่าง ว่าเค้าจะกลายเป็นเพื่อนรักได้

รู้สึกมากๆ

สมุดบันทึกการทำงานในห้องอัด วันแรก (8 ก.ย. 50)

เสาร์ที่ 8 เป็นวันแรกในการอัดเสียงที่ห้องอัดที่พี่ีคุ่นหามาครับ
เป็นห้องอัดของน้องๆ วงอวสานเซลแมน (ที่เพิ่งตั้งบริษัททำ "เสียง" กัน)
ผมรู้สึกตื่นเต้นตอนแรกที่รู้ว่าต้องทำงานกันในห้องอัด
แต่พอไปถึงรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ด้วยเพราะอัธยาศรัยของน้องๆ ทำให้เหมือนทำงานที่
คุ้นเคย
จะว่าไป นี่คืือฝันที่เป็นจริงเหมือนกัน ต้องขอบคุณพี่คุ่นมากที่ให้โอกาสผมได้
ทำงานที่รัก และเป็นความฝันวัยรุ่นของผม
ถ้าพี่คุ่นไม่ชอบงานเพลงที่ผมส่งให้ไต้ฝุ่น ผมคงไม่มีวันนี้ :)

วันแรกที่อัด ส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับการหาตำแหน่งไมค์ ที่ใช้อัดกีตาร์สตรัม คือ
การตีคอร์ด ให้ได้เสียงที่พี่คุ่นชอบ ปัญหาของผมที่ต้องอัดซ้ำหลายรอบ ก็คือ
เล่นให้ได้อารมณ์ของเสียงตามที่ น้องกระชายต้องการ
ซึ่งผมว่ามันยากมากๆ แต่น้องเค้าก็ให้กำลังใจเช่น ผมเล่นได้ลื่นไหลจนจบเพลงตลอด
งานนี้ ถ้าสำเร็จต้องยกความดีีให้ ปริน กับ กระชาย สองคู่หู ที่มีความตั้งใจทำ
งาน
และพิถีพิถันมากๆ แถมคุยเก่ง และฟังเพลงคล้ายๆผมอีก! รวมไปถึงน้องๆอีกสองคนใน
ทีม
ที่มาช่วยด้วยครับ สรุปว่า การอัดเสียงกีตาร์สตรัม 1 ไลน์ ใช้เวลารวมกับเวลาหา
ตำแหน่ง
ไม่น่าต่ำกว่า 4 ชั่วโมง!

อีกส่วนช่วงค่ำ คือการอัดเสียงร้องเข้าไมค์ 4 แบบ โดยอัดเพื่อหาคาแรกเตอร์ของ
เสียง
ว่าเหมาะสมกับไมค์และ พรีแอมป์ ยังไง ตั้งค่าเท่าไร ต้องใช้เวลา และความอดทนพอ
ควร
เพราะต้องอัดเสียงทั้งพี่คุ่นและผม (เนื่องจากร้องแบคกราวด์ด้วย) เห็นถึงความ
ตั้งใจ
ของน้องๆทีมนี้ ที่ทำหน้าที่ทั้งเป็น โปรดิวเซ่อร์ ซาวเอ็นจิเนียร์ และเอดิ
เตอร์เสียง
แถมยังแนะนำวิธีเล่นกีตาร์ให้ด้วยอีกต่างหาก (สุดยอดดดดดดดด)

เวลาที่อยู่ห้องอัดคือ สิบเอ็ดโมงเช้า ถึง ห้าทุ่ม อัดได้เสร็จแค่กีตาร์ไลน์
เดียว
เพลง แบดแบงกอกบลูส์ สุดยอดมากๆ

มื้อดึก เราทานข้าวต้มโรงแรมเร็กซ พี่คุ่นเป็นเจ้ามือ ขอบคุณมากๆครับ :))

เสาร์หน้า และถัดๆไป ต้องไปอัดต่อ และผมต้องทำการบ้าน คือทำ demo อีกสองเพลง
ที่ยังไม่ได้ทำคือ My Morning Moon และ Danger !

กันยายน 07, 2550

More

ฟังเพลงนี้จากแผ่นเสียงของคุณพ่อครับ
ฟังแล้วชอบมากๆ ชื่อเพลง More เลยแปลงลง iRiver (เครื่องเล่น mp3)
ตอนนี้ฟังเป็นร้อยรอบละ

ชอบเมโลดี้ ใครสนใจฟังไปที่นี่นะ

http://kids.niehs.nih.gov/lyrics/more.htm



written by Marcello Ciorciolini, R. Ortolani, N. Oliviero;
English translation by Norman Newell

More than the greatest love the world has known
this is the love I'll give to you alone.
More than the simple words I try to say
I only live to love you more each day...

More than you'll ever know
my arms long to hold you so,
my life will be in your keeping
waking.. sleeping... laughing... weeping....

Longer than always is a long long time
but far beyond forever you'll be mine,
I know I never lived before
and my heart is very sure
no one else could love you more.

I know I never lived before
And my heart is very sure
No one else could love you more

I know I never lived before
And my heart is very sure
No one else could love you more

เครียด

เครียด กับคนงาน และการร่วมงานกับคนเสร่อๆ
ผมต้องทนอีกนานแค่ไหนยังไม่แน่ชัด
บางครั้ง อยากลุกไปต่อยมัน พอล้มก็เตะซ้ำอัดเข้าที่หน้า
เอาให้มันสลบ

ผมทำงานกับคนแบบนี้ได้ยังไง ถ้าผมถูกย้ายไปทำงานอื่น
ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้ หวังว่าความสุขคงกลับคืนมาอีกครั้ง

กันยายน 06, 2550

Slur

โลกนี้มีแต่คนเสร่อจริงเหรอครับ
ไม่จริงครับ
แต่บางคนเป็น ก็ต้องทนไปนะครับ
เราไม่อาจอยู่ร่วมกับคนเสร่อได้
แต่เราต้องอดทนต่อไป

ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดไป

กันยายน 05, 2550

ในกองทุกข์ มีความสุข

พบแล้ว... ใช่แล้ว
วันนี้พบเรื่องแย่ๆ แต่...
ในขณะเดียวกัน พบว่า เราคิดถูก..

ดีใจมาก (แม้จะมีความทุกข์อยู่)

ลูกผมน่ารักที่สุดในโลก

น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รักลูก รักเมีย

มากๆ

กันยายน 04, 2550

ความเปลี่ยนแปลงของละอองเกสรดอกไม้ที่ปลายช้อนกาแฟ

สายลมจากแอร์คอนดิชั่นเน่อร์แบบติดบนผนัง ทำให้ทั้งห้องทำงานเต็มไปด้วยความเย็น
ความเย็นที่ว่า เป็นความเย็นที่เกิดจากการสังเคราะห์ ไม่ใช่ความเย็นจากอุณหภูมิโลกจริง
ในห้องที่อัดด้วยคนทำงานหลายสิบคน พอมีที่ว่างให้เราสูดอากาศส่วนตัว (ที่ไม่ใช่ส่วนตัว)
ผมมองกาแฟที่ชงไว้ กลิ่นของกาแฟหอมหวน เป็นกาแฟดำที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือครีม
หรือนม หรือน้ำผึ้งใดๆ เป็นเพียงกาแฟที่มีรสแท้ๆ ของกาแฟที่ไม่มีส่วนปลอมแปลงใดๆ

เพียงระยะห่างไม่กี่สิบเซ็นติเมตร แต่กลับกว้างไกลเหมือนอยู่คนละกาแลกซี่
บางทีคนเราแปลก การคิดว่าตัวเองผิด มักทำร้ายความรู้สึกที่ตัวเองมีอยู่กับคนอื่น
บางครั้ง อาจหลอกตัวเอง แต่บางครั้ง เมื่อหมดหนทางจริงๆ คงมีทางเดียวที่พอทำได้
นั่นคือคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่มีสิ่งใดๆเกิดขึ้นจริง หรือเหมือนชื่อหนังสือของพี่คุ่นปราบดา
คือ ต้องคิดให้ได้ว่า "เรื่องนี้เกิดเกิดขึ้นจริง" กับสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง

อะไรที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่เป็น "เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง" ในหัวของเรา
บางครั้งเหมือนการโกหกตัวเอง แต่จริงๆแล้ว อะไรจริงอะไรไม่จริง ตัวเราเองไม่ใช่หรือ
ที่เป็นคนกำหนด หน้าตา สวยหล่อ ยากดีมีจน ใครเป็นคนกำหนด ถ้าไม่ใช่ "ใจ"

ณ จุดหนึ่งของชีวิต คนเราไม่ต้องการอะไรเลย เพื่อมีชีวิตอยู่ เพราะเรามีที่ยึดมั่นของหัวใจ
แต่ ณ จุดหนึ่งของชีวิต อาจไม่มีใครช่วยเราได้ เมื่อเราหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
และสิ่งเดียวที่เราพอจะคว้าจัดยึดไว้เพื่อเป็นไม้เท้าแห่งการจิตใจ นั่นคือ "จินตนาการ"
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ควรเตือนตัวเองอยู่เสมอเมื่อเราจะใช้ "จินตนาการ" เพื่อมีชีวิตอยู่
นั่นคือ ... อย่าโดนจินตนาการครอบงำจนเกินไปจนหลุดจากโลก จงใช้จินตนาการเป็นเพื่อน
เพื่อนที่ไม่มีใครเห็น เพื่อนที่รักเราอย่างหมดหัวใจ เพื่อนที่อยู่ข้างเราตอนเราอ่อนแอ
แม้เพื่อนที่ว่า จะไม่มีจริงในโลกแห่งความเป็นจริง แต่มีจริงเสมอ.. ในใจเรา

กันยายน 03, 2550

กิโลที่เจ็ดสิบห้า

ส้มตำไทย
ส้มตำปูม้า
ส้มตำหอยดอง
ส้มตำไทยปู
ส้มตำปูดอง
สลัด
ซุปหน่อไม้ (ฝรั่งบอก แบมบูซุป นึกว่าซุปจริงๆ สั่งผิดเสียฉิบ)
ยำวุ่นเส้น
ผัดผัก
น้ำผลไม้
ปลานึ่ง
ลาบ
น้ำตก
น้ำพริกกะปิ
ปลาทู
ข้าวต้ม
ห่านย่าง
ผัก ผัก ผัก

เป้าหมายของเอ็งคือ ให้เหลือ เจ็ดสิบห้า

butterfly

I'm sorry.. I'm sorry.. I'm sorr...OR...ry

ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วหนอ กับคำนำหน้าชื่อนี้
ครั้งแรกสุด ป.6 ...

ครั้งที่สอง เมื่อตอนทำงานปัจจุบัน

ครั้งที่สาม ...

สามครั้งแล้วสิ

ขอโทษ.. ไม่ได้ตั้งใจ

ต่อไปจะพยายามระวัง

ไม่ให้เกิดปัญหาอีก

Please DO NOT touch

Scary scene ...
I hate it now.

โลกที่เปลี่ยนผัน

ความเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ทำให้บางครั้ง โลกเปลี่ยนไปทั้งๆที่เรายังไม่ได้พูด
ผมว่าตอนนี้โลกที่ผมอยู่ เปลี่ยนไป
ผมไม่ได้พูดอะไรเลยซักคำ กับความเปลี่ยนไป
มันมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่
และมันก็บอกว่า มันกำลังจากไป

ผมอยากเจาะลึกลงไปถึงก้นบึ้งของมัน

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเหมือนภาพแฟลช แว้บเดียว
แล้วก็หายไป สร้างความสว่างออกมาแบบลวกๆ แต่ผลที่ได้
ทำให้ผมแสบตามาก

ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงกังวล ไม่ว่าจะเกิดอะไรตามมา
ผมขอนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก
ขอให้ทุกอย่างที่เคลื่อนที่เข้ามา .. หยุดลงก่อนชนผมล้มลง

และถึงจะล้ม ก็ลุกใหม่ได้

Hidden Folder

ในหัวของเธอ มีที่เก็บความลับ ซึ่งตัวเธอเองใช้ซ่อนความรู้สึก
เธอเรียกมันว่า Hidden Folder ซึ่งมองไม่เห็นง่ายๆ
แม้แต่ตัวเธอเอง บางครั้งก็ลืมไปว่ามีมันอยู่ เพราะมันโปร่งใส

เธอใช้มันเก็บความรู้สึก "รัก" ใครบางคน
ใครที่เธอเองแทบไม่เคยได้คุยกับเขา

คล้ายกับเป็นของต้องห้าม บางครั้ง ความรู้สึก "รัก" เป็นภัยแก่ตัว
เธอคิดแบบนั้น ดังนั้นเธอจึงสร้าง Hidden Folder ขึ้นมาในสมอง
เวลาที่เธอต้องการหยิบ ความรู้สึก "รัก" มาเชยชม
เธอต้องป้อน รหัสลับ ให้ เพื่อเข้าไปใน Folder นั้น

และใน Folder สิ่งที่คนเข้าไปจะได้สัมผัส
คืออาณาจักรของหัวใจขนาดใหญ่ ที่มีต้นไม้เขียวชะอุ่ม
มีระบบปลดปล่อยความเศร้า เพิ่มเติมความสุข
โดยใช้ภาษา SQL คำสั่ง delete เอา ข้อมูลเศร้าสร้อยออก
และมีคำสั่ง Insert หรือ Update ความสุขให้กับจิตใจ

เธอมักหลบไปอยู่ใน Hidden Folder ทุกวัน ช่วงเวลาทำงาน
เพราะสิ่งที่กระทบจิตใจเธอ มีผัสสะกับเธอ
ล้วนแล้วแต่ทำให้เธอมีความรู้สึก
ใช่แล้ว เธอ Fragile เหมือนแก้ว เธอถูกกระทบง่ายเหลือเกิน
ทุกครั้งที่เธอโดนกระทบ ด้วยสิ่งต่างๆรายล้อมรอบกาย
เธอจะเปิดประตู Hidden Folder แล้วย้ายจิตเธอไปพักในนั้น
ที่ที่เธอกับ "คนที่เธอรู้สึกรัก" อยู่ด้วยกันเงียบๆ เพียงสองคน
เป็นดินแดนแห่งความสุขโดยแท้จริง ยิ่งกว่ายูโทเปีย
เพราะนี่คือเรื่องของสองคน ไม่ใช่เรื่องของสังคม

เธอเรียกดินแดนใน Hidden Folder ว่า

ที่เก็บ File แห่งความรัก ความสุข ความสมหวังทั้งหลายทั้งปวง
ที่ไม่มีเกิดขึ้นจริงแม้แต่เรื่องเดียวในชีวิตของเธอเอง..

และเธอได้แต่ภาวนาให้เขา รู้สึกว่าเธอไม่ใช่ตัวปัญหา...ของเขา
ในความจริงที่ทุเรศบิดเบี้ยวอัปลักษณ์และไม่มีความสุขเลย

เรียกกันว่า "โลก"

ใบไม้

ใบไม้ร่วงหล่นจากต้น
สาเหตุที่ร่วง เพราะหมดเวลา.. เพราะเหี่ยวแห้งเฉากรอบแกรบ

ผมลืมตามองภาพในจอคอมพ์ตรงหน้า
ความเศร้าสร้อยคล้อยตาม เหมือนน้ำตกที่ไม่มีทางเป็นน้ำลอย

สรรพสิ่งภายใต้แรงดึงดูดของโลก
ย่อมตกลงสู่พื้นด้วยความเร่งเท่ากัน

น้ำตาย่อมไหลจากดวงตา จากปลายตา สู่ร่องแก้ม
และหยดลงสู่พื้น

เพียงอากาศร้อน ธนาคารสำหรับจ่ายเงิน และกลุ่มคนขวั่กไขว่
ผมมองลงต่ำอีกครั้ง

สิงหาคม 31, 2550

หรือเทอไม่ใช่ snare

หรือเทอไม่ใช่ snare
หรือเทอไม่ใช่ bass drum
หรือเทอไม่ใช่ hi-hat
หรือเทอไม่ใช่ ฉาบ ride
หรือเทอไม่ใช่ trampoline
หรือเทอไม่ใช่ ฉาบ crash

แล้วเทอคือ...

ไม่สนหรอก
เพราะเทอ คือ เธอ
เทอ คือ เธอ

บันทึกความฝัน

นี้วัน plus k
ครับ ใจดีสึกรู้ผม
ลอยล่องผมคิดความ
ว่าบอกอยากผม
คุณขอบ
มากสุขความมีผม
ขึ้นพลังมีผม นี้ลาเวเหมือน
ผมของฝันความทึกบันช่วยมาคุณ
ขณะชั่วไปหายขาดผมที่ ดีดีสิ่งสร้าง
ไฟกองในลงราดเมื่อ ไฟเชื้อเหมือน
:) ... ครับนี้วันมีที่ใจดีผม

10 days สินะ

ฉลองครบรอบสิบวัน
นับจากบอกความรู้สึกแรกที่เกิดในโลกเสมือน
เวลาสั้นเพียงสิบวัน สั้นจนเหมือนเข็มวินาที
ผมเหลือบไปรอบๆ มาแล้ว!

หลายครั้งเคยบอกตัวเอง
ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องคิดมาก
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก็ได้เวลาเก็บอุปกรณ์การแสดง
กลับคืนสู่โลกของตัวเอง
แต่เมื่อสิบวันที่แล้ว
ความรู้สึกเปลี่ยนไป คือเหมือนมีมือมาฉุด
ผมรู้สึกอยากสู้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องเก็บของ
ในเมื่อเวลาสนุก ยังมีคนดูที่รอคอยการกลับมาอีก
เราจะรีบออกไปทำไม

สายฝนยามเช้าที่ตกน้อยๆ ตอนผมเตรียมออกจากบ้าน
และเกือบจะหยุดสนิทตอนผมไปถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
เหมือนกำลังคุยกับผม บอกให้ผมพยายามอดทน
แม้ความเหงายังคงรายล้อม
แต่เรายังมีแสงสว่างที่เพียงเรามองเห็น
เป็นแสงสว่างจุดเล็กๆ
ที่ไม่มีความหมายใดๆ กับใคร
แต่กับผม ผมสามารถใช้เป็น guiding dot
สำหรับเดินทางในสถานที่ที่มืดสนิท...ที่เรียกว่าโลกแห่งความจริงนี้

ขอบคุณสิบวันที่ผ่านมา ในหัวของตัวเอง
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นวนลูปที่ไม่รู้จบ
Obsession!

สิงหาคม 30, 2550

จำรอยยิ้ม

จำรอยยิ้มนี้เอาไว้ให้ดี กว่าที่วันพรุ่งนี้จะมาถึง
มันอาจสายเกินไปกว่าที่จะหวนกลับมา
ความสุขเพียงเศษเสี้ยววินาที ไม่ได้มีบ่อยๆ
หลายครั้ง เกิดเพียงชั่วกระพริบตา
และไม่เกิดอีกเลย จนวันตาย

อยากบอกว่า นี่คือความสุข

สิงหาคม 28, 2550

ทำไมบางคนไม่ไปงานแต่ง แต่ฝากซอง (คิดในแง่ค่าใช้จ่าย)

เห็นว่า บางคนนิยมฝากซอง แต่ไม่ไปร่วม
เหตุผลที่น่าคิด คือ เขาอาจไม่ชอบเข้าสังคม ไปเจอคนเยอะๆ
นี่คือมองในแง่ปัจเจก แต่ถ้ามองในแง่ เศรษฐศาสตร์
จะพบว่าการ ไปงานแต่งงาน ถ้าคุณต้องไปด้วย
คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อชุด แต่งหน้า ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง
เสียไปหมดครับ สรุป ยังไง ไม่ไปงานแต่ฝากซองเนี่ย
คุ้มกว่าแน่!

k plus

บางครั้งคนเราไม่เข้าใจตัวเอง สิ่งที่อยู่ใกล้ บางครั้งเหมือนอยู่ไกล
แปลกที่เราไม่สามารถเข้าใจว่าทำไม ทั้งๆที่ควรรู้ด้วยตนเอง
แต่กลับต้องค้นหา ไขว่คว้า ดั้นดน เดินทางไป...เพียงเพื่อ
หาที่ปลอดภัยของหัวใจ

ถ้าสามารถย้อนเวลากลับได้
อยากถามว่าคุณอยากทำอะไรมากที่สุด

ฟังดูน่าตื่นเต้น แท้จริงๆแล้ว สุดท้าย
ไม่มีอะไรจริง

สิงหาคม 22, 2550

RE: RE: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

-----Original Message-----
From: Sedtha (New)
Sent: 22 สิงหาคม 2550 16:32
To: Nhephex
Subject: Re: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

ไม่อะ อันนั้นเรียกว่าเข้าข้างตัวเองแล้ว
ผมคิดว่า ถ้าจะแต่ง อย่างน้อยต้องผ่านมาตรฐานของตัวเอง ตัวเองต้องชอบ
ไม่ใช่บอกว่า เนี่ย ออกมาจากประสบการณ์ แล้วทุกอย่างจะดีไปหมด
(แม้แต่แค่ในสายตาของตัวเอง) เคยป่าว แต่งเพลงออกมา
โคตรจะออกมาจากความจริงใจเลยนะ แต่ตัวเองฟังเอง ยังบอกเลยว่า ไม่ดีอะ ห่วยอะ
แต่งใหม่ดีกว่า

ส่วนประเด็นว่าคนอื่นจะคิดยังไงเนี่ย อันนี้ไม่ควรเอามาคิดเลยด้วยซ้ำ
(ยกเว้นกะเอาตังค์หรือการยอมรับ)

สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ ไม่ใช่ว่า ต้องแคร์คนอื่น
แต่ผมต้องการจะบอกว่า แม้แต่แต่งเพื่อ descript ความรู้สึกของเราเอง
มันก็ต้องใช้ skill ด้วย

พี่อาจจะฟังทุกเพลงที่พี่แต่ง แล้วบอกว่าเพราะได้หมด
แต่ผมทำไม่ได้อะ ถ้ามันไม่เพราะจริงๆ ก็ต้องบอกว่า เออ ไม่ดีว่ะ
แม้ว่าจะมีความหลังกับมันแค่ไหนก็เหอะ

RE: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

ก็มันรับรุ้ด้วยตนเองไง ห่วยไม่ห่วยไม่สำคัญหรอก
แต่สิ่งสำคัญ เรารู้
ถ้าโชคดี มีคนยอมรับได้ มันก็ดีไป
คือดีไม่ดี ในแง่คนอื่นน่ะ มันเป็นเรื่องที่พูดได้อยู่แล้ว
เพราะมีบรรทัดฐาน
แต่ดีไม่ดี ในแง่ตัวเราน่ะ มันรู้ที่ตัวเองอะ
ไม่จำเป็นต้องให้ใครยอมรักก็ได้นะ จริงป่าว :P

-----Original Message-----
From: Sedtha Jittiarunchai [mailto:sedtha@tnis.com]
Sent: 22 สิงหาคม 2550 16:19
To: Paradorn Suksingha
Subject: Re: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

เพลงต้องแต่งด้วยหัวใจ
แต่ skill และทฤษฏีดนตรีต่างๆ ทำให้สามารถสื่อสิ่งที่คิดออกไป ได้ดีกว่าเดิม

ถ้ามีแต่ทฤษฏี แต่ไม่มีเรื่องราว เพลงย่อมไม่มีวิญญาณ

ถ้ามีแต่งเรื่องราว แต่ไม่มี skill และทฤษฏีดนตรีต่างๆ ก็เท่ากับว่า มี
vocabulary จำกัด การสื่ออารมณ์ออกไป ย่อมทำได้จำกัดจำเขี่ยตามไปด้วย...
สุดท้าย อาจจะไม่สามารถสื่อได้ แม้แต่กับตัวเอง

เหมือนจะบอกว่า ฉันรักเธอ แต่รู้คำอยู่ไม่กี่คำ ก็อาจจะพูดออกมาเป็น
กูรักมึง
ฉันลุ่มหลงเอ็ง
ตรูพิศวาสท่าน
ถามว่า มันจะถ่ายอารมณ์ตรงนั้นออกมาได้ไหมเนี่ย ถึงจะเต็มไปด้วยเรื่องราวก็เหอะ

การเลือก chord progression เลือก voicing เลือก arranging เลือก harmony เลือก
groove แบบต่างๆ มีเพื่อ support การถ่ายทอดสิ่งที่ศิลปินคิด ดังนั้น
ถ้าพอเข้าใจเรื่องนี้ ไม่ต้องป๋าเท่า Dream Theater ก็ทำเพลงดีๆ ได้

ถ้ามองในส่วนของการแต่งเนื้อเพลง มันก็มีทฤษฏีของมันอยู่
เพราะถ้าเรื่องราวดีแค่ไหน แต่วิธีถ่ายทอดไม่เอาอ่าว มันก็เข้าอีหรอบเดิม
เช่น ฉันรักเธอ แล้วก็ร้องแค่เนี้ย ทั้งเพลง ไม่มีอธิบาย ไม่มีเนื้อหามากขึ้น
ถามว่า ร้อง 10 รอบ ต่างกับร้องรอบเดียวตรงไหน

----- Original Message -----
From: "Paradorn Suksingha" <paradorn@tnis.com>
To: "'Sedtha Jittiarunchai'" <sedtha@tnis.com>
Sent: Wednesday, August 22, 2007 1:33 PM
Subject: FW: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์


>
>
> -----Original Message-----
> From: Paradorn Suksingha [mailto:paradorn@tnis.com]
> Sent: 22 สิงหาคม 2550 13:33
> To: 'nhephex.emailpost@blogger.com'
> Subject: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์
>
> ผมรู้สึกว่าการทำงานสร้างสรรค์ เช่น การเขียนเพลง
> สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ความไพเราะ หรือเมโลดี้ที่สวยงาม
> แต่มันคือความทรงจำในเพลงๆนั้น ของผู้ที่แต่ง
> การที่เราจะรู้สึกอิน กับการเล่นหรือร้องเพลงซักเพลง
> ใช่มาจากความซาบซึ้งที่ได้รับจากตัวเมโลดี้ หรือทำนอง
> แต่มันคือความหมายที่ซ่อนอยู่ในเพลงนั้น (อาจจะซ่อนหรือไม่ซ่อน
> อันนี้แล้วแต่เทคนิคของนักแต่งเพลงแต่ละคน)
> ยกตัวอย่าง ความรู้สึกรักใครซักคน ทำให้เรามีแรงในการเขียน
> เพลงออกมาหนึ่งเพลง ในเพลงนั้น เวลาที่เราร้อง หรือฟัง
> สิ่งที่ได้แน่ๆ ไม่มีทางเปลี่ยนไปตามกาลเวลาก็คือ
> เรารู้ว่าเรากำลังพูดหรือร้องอะไร ต้องการสื่ออะไร
> อารมณ์ที่ขับออกมาในเพลงนั้น จะเป็นอารมณ์ที่เราเข้าใจ
> และอินกับมันได้อย่างถึงที่สุด
>
> แน่นอนว่า การคิดแบบนี้เป็นการคิดแบบ Input คือ
> มองเพียงขาเข้าไปในระบบ แต่ในแง่ของ Output
> มันอาจไม่สามารถรองรับอารมณ์คนส่วนใหญ่
> หรือคนที่รับเอาสิ่งที่เราสื่อสารออกมาได้ เป็นไปได้
> มันอาจโดนใจคนบางกลุ่ม หรือคนกลุ่มใหญ่ๆ
> ปัญหาคือ.. เราจำเป็นด้วยหรือครับ ที่ต้องไปสนใจ
>
> ในเพลงหนึ่ง เรามีเนื้อหาว่า "ดวงตาที่เธอมองมา
> คือสิ่งสุดท้ายในโลกนี้ที่ฉันต้องการครอบครองก่อนจากไป"
> มันอาจมีความหมายกับเรา ถึงเธอผู้เราแต่ให้
> หรือ ในแง่ของคนหมู่มาก เนื้อหานี้อาจไปกระทบอารมณ์คน
> ที่มีความรู้สึกกับใครซักคน ในรูปแบบที่ละม้ายคล้ายกัน
> เพียงแต่ไม่เป๊ะๆ เขาอาจยึดเป็นอารมณ์ของเขา
> เวลาฟังเพลงเราแล้วอิน
>
> ซึ่งอันนั้นเป็นสิ่งที่เราควรยินดี แต่ไม่ใช่มุ่งหวัง
>
> ศิลปินอิสระที่ทำเพลงเพื่อตัวเอง และคิดหมกมุ่นกับอารมณ์
> ซึ่งตัวตนเป็นผู้กำหนดเพื่อระบายออกมาให้โลกนี้ ควรได้รับการสรรเสริญ
> กว่าศิลปินอิสระที่ทำเพลงแบบคิดเผื่อคนอื่นๆ โดยไม่มีเรื่องราว
> ที่ซ่อนเร้น ความทรงจำ หรือเนื้อหาที่ประทับใจใดๆในหัว
> เมื่อวันหนึ่งข้างหน้า เขาย้อนกลับมาฟังเพลงของเขา
> เขาอาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแต่งไปทำไม ... เพราะมันไม่ความหมายอะไรเลย..
>

ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

ผมรู้สึกว่าการทำงานสร้างสรรค์ เช่น การเขียนเพลง
สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ความไพเราะ หรือเมโลดี้ที่สวยงาม
แต่มันคือความทรงจำในเพลงๆนั้น ของผู้ที่แต่ง
การที่เราจะรู้สึกอิน กับการเล่นหรือร้องเพลงซักเพลง
ใช่มาจากความซาบซึ้งที่ได้รับจากตัวเมโลดี้ หรือทำนอง
แต่มันคือความหมายที่ซ่อนอยู่ในเพลงนั้น (อาจจะซ่อนหรือไม่ซ่อน
อันนี้แล้วแต่เทคนิคของนักแต่งเพลงแต่ละคน)
ยกตัวอย่าง ความรู้สึกรักใครซักคน ทำให้เรามีแรงในการเขียน
เพลงออกมาหนึ่งเพลง ในเพลงนั้น เวลาที่เราร้อง หรือฟัง
สิ่งที่ได้แน่ๆ ไม่มีทางเปลี่ยนไปตามกาลเวลาก็คือ
เรารู้ว่าเรากำลังพูดหรือร้องอะไร ต้องการสื่ออะไร
อารมณ์ที่ขับออกมาในเพลงนั้น จะเป็นอารมณ์ที่เราเข้าใจ
และอินกับมันได้อย่างถึงที่สุด

แน่นอนว่า การคิดแบบนี้เป็นการคิดแบบ Input คือ
มองเพียงขาเข้าไปในระบบ แต่ในแง่ของ Output
มันอาจไม่สามารถรองรับอารมณ์คนส่วนใหญ่
หรือคนที่รับเอาสิ่งที่เราสื่อสารออกมาได้ เป็นไปได้
มันอาจโดนใจคนบางกลุ่ม หรือคนกลุ่มใหญ่ๆ
ปัญหาคือ.. เราจำเป็นด้วยหรือครับ ที่ต้องไปสนใจ

ในเพลงหนึ่ง เรามีเนื้อหาว่า "ดวงตาที่เธอมองมา
คือสิ่งสุดท้ายในโลกนี้ที่ฉันต้องการครอบครองก่อนจากไป"
มันอาจมีความหมายกับเรา ถึงเธอผู้เราแต่ให้
หรือ ในแง่ของคนหมู่มาก เนื้อหานี้อาจไปกระทบอารมณ์คน
ที่มีความรู้สึกกับใครซักคน ในรูปแบบที่ละม้ายคล้ายกัน
เพียงแต่ไม่เป๊ะๆ เขาอาจยึดเป็นอารมณ์ของเขา
เวลาฟังเพลงเราแล้วอิน

ซึ่งอันนั้นเป็นสิ่งที่เราควรยินดี แต่ไม่ใช่มุ่งหวัง

ศิลปินอิสระที่ทำเพลงเพื่อตัวเอง และคิดหมกมุ่นกับอารมณ์
ซึ่งตัวตนเป็นผู้กำหนดเพื่อระบายออกมาให้โลกนี้ ควรได้รับการสรรเสริญ
กว่าศิลปินอิสระที่ทำเพลงแบบคิดเผื่อคนอื่นๆ โดยไม่มีเรื่องราว
ที่ซ่อนเร้น ความทรงจำ หรือเนื้อหาที่ประทับใจใดๆในหัว
เมื่อวันหนึ่งข้างหน้า เขาย้อนกลับมาฟังเพลงของเขา
เขาอาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแต่งไปทำไม ... เพราะมันไม่ความหมายอะไรเลย..

PINK

Color ชมพู...

ดอกไม้ สีชมพู ไม่แน่ชัด
ดอกที่ว่า ดอกอะไร
แต่สีชมพู ทำให้รู้สึกว่าแจ่มใส
สดชื่นรื่นเริงใจ มีพลังก้าวต่อไป

ขอบคุณความหวังที่มี
ขอบคุณความหวังที่เป็น

ผมมองที่มูลี่ เห็นตึกสูง ตระหง่าน...
ฝนไม่ได้ตก...

สิงหาคม 21, 2550

วงกลม วงกรรม

วงกลม วงกรรม
กงกรรม กงเกวียน

สงสัยอยู่ ว่าทำไมคนเราต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ที่ใดมีจุดจบ..แสดงว่ามีจุดเริ่มต้น
แล้วจุดเริ่มต้นของ "ชีวิต" อยู่ที่ไหน

ผมเปรียบเทียบชีวิตคนเรากับวงกลม

ผมคิดว่า มนุษย์เรา เริ่มต้นจากจุด (dot) เล็กมากๆ
อันนี้ขอหมายรวมไปถึงจักรวาลด้วย

เมื่อเวลาผ่านไป มนุษย์ทำกรรม เส้นก็จะลากวน
กว้างออกไปเรื่อยๆ ยิ่งทำกรรมมาก วงก็ยิ่งขยาย
การเกิดใหม่ คือการเริ่มต้นใหม่ของวงกลม
ยิ่งทำกรรมมาก วงกลมก็จะยิ่งกว้างออก ขยายออก
จะหลุดพ้นได้ ก็ต้องให้จุดนั้นเล็กลงเรื่อยๆจนสลายไป
การจะให้จุดเล็กลง ต้องเพ่งศีล สมาธิ ปัญญา
ทำให้นิ่งลง ไม่แกว่ง
วงก็จะแคบลงๆ
จนกลายเป็นจุด และจุดก็กลายเป็นไม่มีจุด... "สุญตา"

หรือเข้าสู่การไม่มีเหตุแห่งทุกข์อีกต่อไป...
นิพพาน

เสียงสัญญาณของหัวใจ

นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้
คงเป็นเพราะ ความจริงที่ว่า
คนที่มีอะไรพิเศษสามารถสื่ออะไรบางอย่าง
มันไม่ใช่ความสวยงาม หรือความงดงาม
แต่มันคือความสุขที่ได้รับรู้ว่ามีอยู่

ไม่จำเป็นต้องคิดไกล
ไม่จำเป็นต้องได้รับการตอบกลับ
แต่สายตาประสานกัน กำหนดขอบเขตให้กับ..
อาจจะเรียกได้ว่าความฝัน

สายลมพัดในหน้าร้อนช่วงนี้
มีความเย็นสอดแทรกอยู่เป็นระยะ
ความเย็นในที่นี้ ใช่เพียงความเย็นทางกาย
แต่บางครั้ง มีความเย็นทางใจ

บอกใบ้กับเราว่า
"เรามีความหวังในการดำรงอยู่..ในที่ที่เคยแห้งแล้งนี้"

สิงหาคม 09, 2550

เปลี่ยนสายกีตาร์

ช่วงนี้หลายคนคงคิดว่าผมหายไปนาน
คืออยู่ที่ทำงานแล้วไม่มีเวลาเลยครับ
ปกติจะ up blog ตอนว่างๆน่ะ ช่วงนี้มีคนมาให้ทำอะไรต่อมิอะไรเรื่อยๆ
ก็เลยไม่มีเวลาคิดเรื่องจะเขียน งั้นเล่าไรเล่นๆ
เหมือนทักทายเพื่อนๆก้อแล้วกัน

เมื่อวานกลับบ้านไม่ช้ามากเลยแวะไปซื้อสายกีตาร์ใหม่
สำหรับเตรียมอัดเพลง ที่ฟอร์จูน แล้วก็หาซื้อ mp3 กับกระดาษซับหน้า

ซื้อสายร้านที่ขายกีตาร์ ตก หกสาย สองร้อยกว่าๆ ...

ยังไม่ได้ลองใส่เลย คงเป็นวันนี้ครับ
เพราะตอนถอดสาย ดันทันตัวรองสาย (พลาสติก) แตก
แล้วก็คอรองสาย ก็สึก ต้องลองไปเดินหาตัวใหม่เย็นนี้อีกทีน่ะครับ

กรกฎาคม 31, 2550

Happy Birthday to P'Fon

วันนี้เป็นวันเกิดของพี่ฝน
แต่ดันลาป่วย เลยไม่ได้กินกลางวันกัน
แต่ส่ง sms ไปอวยพรวันเกิดแล้ว

RICH!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

กรกฎาคม 27, 2550

ฝันถึงเพื่อนผู้แปลกแยก

เมื่อคืนฝันถึงเพื่อนผู้แปลกแยกสมัยประถม ผู้เกิดวันเดียวกับผม และผมเคยพูดชื่อเขา
ใน blog วันเกิด...

ในความฝันนั้น ผมไปหาเขาที่ บ้าน มันเป็นห้องในคอนโด ที่มีสระว่ายน้ำอยู่แค่เปิดประตู
(เหมือนเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวสำหรับห้องนั้นเลย) มุมมองในสระน้ำ
คือมองขึ้นไปที่ชั้นสูงๆของคอนโด แต่การเข้ามา ต้องขึ้นลิฟท์ ดังนั้น
ประมาณว่าห้องของเพื่อ เป็นห้องที่อยู่ชั้นบน ชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำ

ผมเข้าไปในห้อง ไม่มีคนอยู่ ดูเหมือนจะไม่อยู่ที่นี่ แต่ของทุกอย่างยังถูกจัด
เก็บกวาดเรียบร้อย ผลงานต่างๆ ยังมี
และผมได้สอบถามว่าเขาไปไหนกับคนหนึ่ง ซึ่งออกมาตอนท้ายของฝัน
เดาว่าคงเป็นแม่บ้าน ได้ความว่า ... อะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ แล้วก็ตื่น

กรกฎาคม 26, 2550

สองงานในเวลาเดียวกัน

ช่วงนี้โดนทำงานสองงานในเวลาเดียวกัน
กำลังมึน เพราะดันเป็นเรื่องเดียวกันแต่คนละเรื่องกัน (งง)

ทำอะไรก่อนดีวะ

กรกฎาคม 25, 2550

Function งานคืออะไร

บางครั้ง เหมือนตัวเองตกอยู่ในตำแหน่งที่เหมือนล่องลอย
คล้ายมีหน้าที่แต่ถูกคนอื่นเอาหน้าที่ไปทำ
โดยหน้าที่ที่ถูกแย่งไปนั้น คนที่แย่งไป คิดเองเออเองว่าเป็นหน้าที่ตัวเอง
ทั้งที่แบคกราว และความรู้ ไม่น่าจะมีปัญญาทำได้

ก็ต้องยอมไปด้วยอาวุโส

เบื่อก็ต้องทน การทำงานก็แบบนี้ ถ้าคิดมากไปจะแย่
ทางที่ดี เราเดินตามทางที่เราคิดแล้วไม่ต้องเหลียวมองคนที่แย่ๆดีกว่า
ถ้าเราเดินทางถูก มันก็จะทำให้เราได้ดี และประสบความสำเร็จ
ส่วนคนที่มันไม่รู้จักหน้าที่ที่แท้จริงของตัวเอง ก็เตรียมตัวเน่า!

กรกฎาคม 24, 2550

วิตกทั้งสาม

จิตหาสงบไม่ ถูกวิตกทั้ง 3 รบกวน

กามวิตก - ขบคิดถึงในเรื่องกาม

พยายบาทวิตก - หมายคิดปองร้าย

มหิงสาวิตก - คิดแต่เรื่องเบียดเบียน


จิตนี้ ดิ้นรนกวัดแกว่ง ไม่นิ่ง
จิตนี้ คอยแต่จะกลิ้งเกลือกในกามคุณ

ผู้มีปัญญา จึงปลุกจิตขึ้นจากอาลัยในกามคุณ
เพื่อความสุขสงบอย่างแท้จริง

กรกฎาคม 23, 2550

พลาซ่า อาเธนนี่

เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสแวะไปร่วมงานแต่งงานที่โรงแรมหรูแห่งนี้
...

อาหารอร่อยมาก งานจัดในแบบ ค็อกเทล แต่อาหารมีให้ตลอด ไม่ขาดตอน
ที่ประทับใจที่สุด คงไม่มีอะไรเกินปลาดิบ ที่สดและรสชาติอร่อยดี

ก็นะ... โรงแรมระดับห้าดาว...

กรกฎาคม 20, 2550

ทฤษฎีเกมส์ (4) ภาพประกอบ

ทฤษฎีเกมส์ (3)

ว่ากันว่า ในกิจกรรมที่มีทางเลือก เช่น ตัวอย่างเรื่องการขับรถชนกันนั้น เราสามารถ
แตกทางเลือกออกมาจนถึงจุดสิ้นสุดของทุกๆทางเลือก และในทุกๆ เรื่อง
จะมีทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่เสมอ

ยกตัวอย่างกิจกรรมที่มี "ทางเลือก" เช่น การเล่นหมากรุก การเล่น OX
แต่การเล่นหวย ไม่ใช่กิจกรรมที่มี "ทางเลือก" เพราะผลที่ได้ เกิดจากการสุ่ม
หรือแม้แต่เกมส์ไพ่ โซลิแทร์ ก็ไม่ใช่กิจกรรมที่มี "ทางเลือก" เพราะการเปิดไพ่
เกิดจากการสุ่มออกมา ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้

ทีนี้ ทฤษฎีเกมส์ จะใช้กับอะไร ก็ใช้กับกิจกรรมที่มี "ทางเลือก" ไงครับ

จากตัวอย่างเรื่อง รถชน จะเห็นว่า ความมีศีลธรรมอยู่ตรงไหน
การที่เรามองในแง่ดี ในมุมของนาย ก ซึ่งถูกรถชน ด้วยความคิดว่า
"นาย ข ดูท่าทางน่าไว้ใจ และการที่ไม่ลงบันทึก จะช่วยให้นาย ข
สามารถเป็นหมอต่อไปในอนาคต และช่วยเหลือคนอื่นๆอีกมาก"

ถ้า นาย ข เป็นคนดี เรื่องก็คงจะจบลงด้วยดี เป็นทางออกที่ดีกับทั้งสองฝ่าย
ในแง่ศีลธรรม แต่โอเค ในแง่นาย ข ถ้าเขาไม่ใช่คนที่มีความคิดเรื่องศีลธรรมเลย
ประมาณหุ่นยนต์ วิเคราะห์ทุกอย่าง แล้วเลือกทางเดินที่ดีที่สุด

นาย ข ก็จะเลือก 1.2.2 คือหนีไปเลย เอาผิดก็ไม่ได้ ส่วนนาย ก ก็ซวยไปเพราะความใจดี

ผมว่าทฤษฎีนีมันดี ตรงที่ว่า ถ้าคุณเป็น นาย ก และคุณไม่อยากเสียเปรียบ คุณก็ร่างตรรกะนี้ออกมา
แล้วหาทางอุดช่องโหว่ เช่นกรณีไม่ลงบันทึกคดี แต่นาย ก ต้องเรียกร้องให้นาย ข ทำหนังสือ
รองรับการชดใช้ค่าเสียหาย โดยมีพยายานรู้เห็น และให้เอาหนังสือนี้ กับตำรวจ
ถึงจะไม่ใช่การลงบันทึกประจำวัน แต่ตำรวจก็สามารถเอาผิดนาย ข ได้ กรณี นาย ข เบี้ยว
คือ ตกลงกันว่า นาย ข ไม่จำเป็นต้องเสียประวัติ แต่ก็ตกลงด้วยว่า นาย ข ต้องชดใช้
ผมคิดว่ามันน่าจะได้นะ (มั่วเอาเอง)

นอกจากนี้ ทฤษฎีเกมส์ ยังสอนให้การมองระบบไปจนทะลุ สามารถเลือก "ทางที่ไม่ดีที่สุดเพื่อสิ่งที่ดีกว่า"
เช่น บริษัทที่มีระบบหลังการขายดีๆ จะยอมทำทุกอย่าง แม้ขาดทุน เพียงเพื่อสร้างความประทับใจ
ไว้ใจ มองในแง่ "ทางเลือกที่ดีที่สุด" ย่อมผิดแน่นอน เช่น ยอมไม่คิดค่าแรง เมื่ออยู่ในระยะเวลาที่กำหนดหนึ่ง
ซึ่งทางเลือกที่ดีนั้น ไม่จำเป็น เพราะลูกค้าเอาของมาซ่อม เราคิด cost ได้
แต่การทำแบบนี้ เพื่อให้ลูกค้าติดใจ และกลับมาหาเราอีก เห็นว่าเราเป็นบริษัทที่ดี เป็นต้น

ดังนั้น ศึกษาทฤษฎีนี้ไว้ก็ดีครับ จะได้ไม่ถูกเอาเปรียบ และยังหาทางเลือกที่เหมาะกับเรื่องต่างๆ
ได้เป็นอย่างดีด้วย :)

กรกฎาคม 19, 2550

ทฤษฎีเกมส์ (2)

ต่อจากเมื่อวานนะครับ

ทางเลือกมีดังนี้

1) นาย ก มีทางเลือก 2 อย่างคือ ลงบันทึก กับ ไม่ลงบันทึก นาย ข ไม่มีทางเลือก
(แต่นายขออ้อนวอน บอกเหตุผลว่าตัวเองเป็นแพทย์ฝึกหัด)

1.1) ถ้านาย ก เลือก ลงบันทึก นาย ข จะต้องถูกดำเนินคดี

1.2) ถ้านาย ก เลือก ไม่ลงบันทึก นาย ข จะมีทางเลือกอีกสองทาง คือ 1.2.1 กับ 1.2.2

1.2.1) นาย ข ยินดีจ่ายค่ารักษาพยาบาล นาย ก ซึ่งเขาขับรถไปชน

1.2.2) นาย ข หลบหนีไป ไม่จ่ายเงินนาย ก

ผลลัพธ์ จึงมีทั้งหมด 3 แบบ ครับ

ผลลัพธ์ มีได้ 3 แบบ

1.1 --> นาย ก ได้รับค่ารักษาจากนาย ข และ สุดท้าย นาย ข ไม่ได้เป็นแพทย์

1.2.1 --> นาย ข เสียเงินค่ารักษา, นาย ก ได้รับการรักษา และ นาย ข สามารถเป็นแพทย์ได้

1.2.2 --> นาย ข ไม่ต้องเสียเงิน, นาย ข ไม่ถูกเอาผิด เพราะไม่ได้ลงบันทึก, นาย ก ไม่ได้ค่ารักษา และ นาย ข สามารถเป็นแพทย์ได้


จะเห็นว่า ผลลัพธ์ ที่ดีที่สุดของนาย ข คือ 1.2.2 เพราะไม่ต้องเสียเงิน และ ได้เป็นหมอ

การรู้จักทฤษฎีเกมส์ ทำให้เรามองออกว่า ต่อไป จากการเลือกของเรา มีผลอะไร
ทำให้เรารู้จักคิดอย่างรอบคอบในการตัดสินใจ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ทำให้ เกิดภาพยนตร์เรื่อง

A Beautiful Mind (จอน แนช ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์จากเรื่องทฤษฎีเกมส์)

กรกฎาคม 18, 2550

ทฤษฎีเกมส์

เมื่อนาย ก ถูกรถชน โดย นาย ข
นาย ข ขอร้องให้นาย ก ไม่ลงบันทึกประจำวัน เพราะนาย ข เป็นแพทย์ฝึกหัด
ถ้านาย ก ลงบันทึก นาย ข จะถูกดำเนินคดี และสุดท้าย ก็ไม่ได้เป็นแพทย์

จงเขียนทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่จะเกิดกับ นาย ก และ นาย ข
ที่เกิดจากการ "เลือกกระทำ" ของทั้งนาย ก และ นาย ข
โดยคำนึงถึงองค์ประกอบทางศิลธรรมด้วย...

จ๊าก O2 เอาอีกละ T_T

เวง .. วันนี้ตอนเมียจ๋าโทรเข้ามา เผอิญเครื่องแฮงค์ครับ (ปกติมันก็แฮงค์อยู่แล้ว)
เราก็ถอดแบตเปลี่ยน คิดว่าแบตมันจาหมด ที่ไหนได้ มันไม่ติด ก็เลยกด reset
กดแล้วก็ไม่ติดอีก เลยกด reset ค้าง ทีนี้ได้เรื่อง เครื่องคิดว่าเป็น hard reset
ลบข้อมูลทั้งหมดทิ้งแล้วลง OS ดั้งเดิมที่ให้มากับเครื่องเลย backup ก็ทำล่าสุด
เมื่อปีที่แล้ว! กำ..ของเวง

ได้ refresh เครื่องกันละทีนี้!

กรกฎาคม 17, 2550

harry potter 5 !

"สิ่งที่ชั้นมีและแกไม่มี คือ เพื่อนไง ออกไปจากตัวชั้นได้แล้ว ไอ้ ยู โน ฮู ฟักเอ้อ!"

ดูแล้วคร้าบบบ :)

กรกฎาคม 16, 2550

Velvet Revolver ชุดใหม่ออกแล้ว! Libertad

เมื่อวานซื้องานใหม่ของวง Velvet Revolver (ที่มี Slash เป็นมือกีตาร์)
ดูยังไงๆ มันก็คือ Guns'N'Roses ที่เปลี่ยนนักร้องนำ -_-"

ปัญหาคือ เพลง Ballad เพราะๆ ไม่มี และเพลงมันส์ๆ ก็เป็น Heavy (ที่ผมไม่ชอบ)

กำ.. แล้วเราซื้อมันทำไมวะ (CD แท้ ไม่ค่อยได้ซื้อเท่าไหร่)
คำตอบคือ.. เป็นแฟน Slash ครับ มีโอกาสอุดหนุนเฮียแกก็เอาซะหน่อย !

อสังหาริมทรัพย์


การลงทุนทำธุรกิจ เพื่ออนาคตของครอบครัว และลูก เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ในคนรุ่นใหม่ ที่เกิดมาพร้อมกับความยากลำบาก ในการแข่งขัน ก้าวหน้าให้สามารถมีที่ว่าง ที่เกาะ สำหรับการใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ และพร้อมที่จะมีค่าใช้จ่ายให้กับสมาชิกของครอบครัว

การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนรุ่นนี้ ปัญหาคือ การกู้เงินกับธนาคาร นั่นคือเราจะประสบกับปัญหาหลักสองประการ ประการแรกคือ ไม่มีเครดิต พอที่ธนาคารจะปล่อยกู้ อีกปัญหาหนึ่งคือ เรารับได้กับดอกเบี้ยที่จะต้องสูญเสียหรือไม่ ลองคิดง่ายๆ การผ่อนคอนโดมีเนียมหนึ่งห้อง ราคา ประมาณสองล้าน แต่ระยะผ่อนยาวไกล สุดท้าย เราต้องเสียเงินค่าดอกเบี้ยให้กับธนาคาร เกือบเท่าตัว (หรือมากกว่าเท่าตัว!) จริงอยู่ การผ่อนระยะสั้นกว่า (ทำให้อัตราที่ต้องจ่ายรายเดือนสูง) ทำให้ค่าดอกเบี้ยทั้งหมดถูกลง แต่ใช่ว่าทุกคนจะมี "ปัญญา" ผ่อนราคานั้นได้

คนบางคนจึงเลือกที่จะจ่ายเอง โดยไม่กู้ธนาคาร... แน่นอน ต้องเป็นคนที่มีเงินเพียงพอกับที่จะจ่ายด้วยครับ

...

กรกฎาคม 13, 2550

ในมุมมืดเล็กเงียบสงบแห่งหลืบร่องระหว่างกลีบตึก

เหลือบแลนาฬิกา เพลานี้ สายัญดิ่งด่ำลงใต้พสุธา ฟ้าเป็นสีดำ ประกอบด้วยประกายดาว
แวววับ จับตา ด้วยเป็นคืนเดือนมืด พระจันทร์ถูกอมจนมิดลำ ไม่มีโอกาสปล่อยแสงอ้วนกลม
พลันทันใด ในมุมมืดเล็กเงียบสงบแห่งหลืบร่องระหว่างกลีบตึก ชายร่างท้วม หน้าจีน
กำลังขยับมือไปมา คล้ายกำลังควบคุมการทำงานของสายป่านที่พาให้กระดาษบางเบาลอยล่อง
ไปในอากาศ... ใช่แล้ว คล้ายกำลังบังคับว่าว

ชายผู้นี้ อายุอานามน่าจะไม่ต่ำกว่าสามสิบ ผมถูกตัดสั้น หน้าตาหมดจด แต่มีเหงื่อประดับไปทั่ว
เขากำลังทำอะไร หรือกำลังเรียกร้องให้ยุติการประท้วงการยึดอำนาจของคมช...

ผมมองดูเขาอย่างเงียบๆ จากร้านกาแฟชื่อดัง ขายกาแฟเย็นแก้วละร้อยกว่าบาท กาแฟร้อน
ก็ไม่ต่ำกว่าห้าสิบห้าบาทแน่ๆ ในใจคิดว่า เมื่อไหร่ ผมจะสามารถมองเห็นว่าชายผู้นั้นทำอะไร
โดยไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ ก็มีมือของสาวมาสัมผัสที่ไหล่ผมเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้น เห็น "เค้ก"
น้องเค้กทักทายผม เธอเดินผ่านร้านกาแฟ เห็นผมนั่งนิ่ง จ้องออกไปนอกกระจกร้านอยู่นาน
เลยเดินเข้ามาทักผม เป้าหมายอยากรู้ว่าผมมองอะไร

ผมไม่สามารถบอกเธอได้ เนื่องด้วยมันเป็นกิจกรรม"เสือกเรื่องชาวบ้าน" ผมจึงตอบไปว่า

"พี่คิดเรื่องงานนิดหน่อย ตอนนี้ระบบใหม่กำลังถูกออกแบบครับ จำเป็นต้องคิดให้ได้ว่า
กระบวนการต้องมีอะไรบ้างในแต่ละ Step ของ Workflow"

เค้กเหมือนว่าไม่เข้าใจ เธอยังคงถามซ้ำย้ำๆ คล้ายกับว่า ผมโกหกแน่ๆ

"อ้าว ไม่เชื่อกันนี่ ถ้างั้นจะพูดจริงๆก็ได้ คือพี่กำลังแอบดูคนอยู่คนหนึ่ง ที่ซอกตึก"

ได้ผล เค้กมองไปทางทิศนั้นเหมือนกัน ในใจเค้กเริ่มครุ่นคิดครั่นคร้าม ด้วยความอยากรู้
ผมตัดสินใจลุกจากร้านกาแฟ บอกลาเค้กเบาๆ ทิ้งให้เค้กนั่งมองไปที่กลีบตึกนั้นต่อไป...
หัวใจสั่นระริก ... ตึกตั่ก ตึกตั่ก

กรกฎาคม 11, 2550

ห ม ว .. . . . (Giant!)

กลางวัน ที่โรงอาหารของตึก Em... ผมพบ ... เธอคืออดีตแฟน (อดีด ตะ แฟน)
ผมเป็นฝ่ายผิดที่บอกเลิกกับเธอ เพราะผมหมดรักเธอก่อน

และผมก็มาคบกับเจ้าสาวของผมโดยเลิกกับเธอ (คือจะว่าไป ก็มีแฟนมาสองคน
คือคนแรกแล้วก็เมียเลย)

ผมไม่อยากคุยกับเธอ แต่ก็ต้องมาลุ้นกันว่า จะมีโอกาสไหม ที่ต้องจ๊ะหน้ากันตรงๆ
แล้วต้องเอื้อนเอ่ย.. คำรจนา!

เรือนไทย

จำได้ว่า ฝันบางครั้งจารึก ประทับติดตรึงลึกซึ้งเหมือนเสียงเพลงบางเพลง
ที่ขับกล่อมเข้าไปในรูหู แต่จารึกผนึกแน่นลงไปในกลางใจเราเสียอย่างนั้น

[ในฝันคืนหนึ่ง]
ภาพที่ผมเห็น คือเรือนไทย ผมอยู่ในเรือนไทย ย้อนกลับไปในอดีต สมัยคุณตา
คุณยาย คุณทวด ยังเป็นวัยรุ่น ผมมีความรัก มีคนรักที่เรือนไทยโบราณ
เธออยู่ที่นั่น หน้าเธอดูเป็นหญิงไทยโบราณเสียจริงๆ ผิวเธอคล้ำหน้าคมเข้ม
ไม่มีความหมวยซักนิด ผมรู้ดีว่า ผมตกหลุมรักเธอมาก

ความรู้สึกตื้อในอก เหมือนมีคนอยู่ในออกแล้วพยายามดันให้อกเราแยกออก
เพื่อหลุดออกมาจากอกนี้ เรียกว่าอาการ "หัวใจพองโต" สินะ

ผมรู้สึกจริงๆ สัมผัสที่แสนอ่อนโยน เหมือนหลุดอยู่ในอดีต และพบรักที่นั่น
เรือนไทย สาวไทย เรือนไม้หลังนั้น มองออกไปเห็นกิ่งก้านใบของต้นไม้ที่ผมเรียกไม่ถูก
ผมไม่มีความรู้มากนักกับเรื่องไทยโบราณ แต่ผมอยู่ที่นั่น เหมือนดูหนังไทยโบราณ
(แน่นอน ไม่ใช่หนังสงครามๆ) ที่มีบรรยายกาศและนักแสดง ที่ดูโบราณๆ



...

เราคงลืมทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ เราคงมีความอยากจำอะไรบางอย่าง
ซึ่งเป็นเหตุผลให้เราไม่สามารถลบเลือนบางอย่างออกไปได้ แม้เวลาผ่านไป..
นานแสนนาน

กรกฎาคม 10, 2550

ดวงตาที่สาม...



เพิ่งอ่าน "ดวงตาที่สาม" จบครับ เล่มไม่หนา
หนังสือของ แดนอรัญ แสงทอง (ใช่ไหม!?)

เรื่องรัก อมยิ้ม มุมปาก หน้าตื่นเต้น ติดตามกระชั้นชิด มืดมิด
และความรักแบบน้อยนิด มหาศาล

ภาษาที่ใช้ ผสมกัน ด้วยคำในยุคสมัย กับคำในอดีต
ออกอรรถรสแปลกประหลาด ประล่อมประแล่ม ระลึกระรัว
(มั่ว)

ลองอ่านดูนะครับ
สนุก และไม่แพง ...:)

ดวงตาที่สาม : แดนอรัญ แสงทอง
ISBN 974-9748-24-7 แมวคราว 88 หน้า ราคา 75 บาท ปกอ่อน ปีที่พิมพ์ ๒๕๔๙

กรกฎาคม 06, 2550

ตุ๊กตาหมี..

ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาเธอ เพื่อ..


[ย้อนไป]

เมื่อหลายๆ อาทิตย์ก่อน ผมสั่งทำตุ๊กตาหมีใส่ชุดครุยให้เธอ
ผมกะจะให้เธอไว้ถือตอนถ่ายรูป วันรับปริญญาป.โท

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ผมพบความจริงหลายอย่าง
ผมเห็นภาพบางภาพที่พาผมคิดไปไกล (เอง)

คืนนั้น เธอให้ผมไปเป็นเพื่อน แต่ระหว่างนั้น ผมเห็นเธอเอามือโอบคอรุ่นน้องที่ลาออกไปแล้วในผับดังย่านอาร์ซีเอ

ผมรับไม่ได้ครับ รับไม่ได้

[กลับมา]

.. "เดี๋ยวนะ ขอถ่ายรูปก่อน" เธอหันมาตอนผมเข้าไปหา แต่เธอไม่มองหน้าผม

พอเธอถ่ายเสร็จ ผมยื่นตุ๊กตาหมีให้เธอ

"ยินดีด้วยนะ ..." เธอเอามือมารับ ไม่มองหน้าเช่นเคย แต่... ผมไม่ปล่อย
เธอดึงไม่หลุด คราวนี้ได้ผล เธอมองหน้าผมเสียที
"นี่ จะให้หรือไม่ให้เนี่ย"

"ไม่ได้บอกว่าจะให้" ผมกระตุกตุ๊กตาหมีลงพื้นแล้วเอาเท้าเหยียบ
"ขอบคุณนะที่ตามหาเราวันแรกในการทำงาน เราจะบอกว่าเธอน่ะ ...XDFDXCSDFF@E@#?D?ASD"

หลังจากนั้น เธอก็ดีกับผม และเราก็เป็นแฟนกัน !?!?!?!?

กรกฎาคม 05, 2550

The First Contact (Nice no Mori ) หนังใหม่ ของผู้กำกับ Taste of Tea



Directed by Katsuhito Ishii

Japan 2006 / Drama / Fantasy / 149 min / Color / Dolby 5.1 / 1.85: 1 Widescreen Anamorphic / NTSC / In Japanese with Optional Thai and English Subtitles


Asano Tadanobu | Miki Shunichiro


Nice no Mori - The First Contact may well be the strangest, most memorable film you'll ever see. Based on a popular series of canned coffee TV ads, the geniusly nonsensical Nice no Mori stretches the cinematic boundaries with an open narrative, outlandish characters, unpredictable stories, and a massive dose of surreal wackiness that defies all conventions. Combining the directorial talents of Ishii Katsuhito (Taste of Tea and Shark Skin Man and Peach Hip Girl), Ishimine Hajime (Custom Made 10:30), and Miki Shinichiro, the man behind the Smap Short Films, this colorful, creative omnibus film needs to be seen to be believed.

Asano Tadanobu and Terajima Susumu reprise their coffee ad roles as the Guitar Brothers, two geeky brothers trying to find girlfriends. Instead, they encounter an endless line-up of peculiar characters and off-the-wall situations. Their experiences are divided into a series of short stories and skits with just about everything you can think of thrown in - stand-up comedy, animation, music and dance sequences, commercials, an intermission, and, of course, some little aliens. Director Ishii himself described it as gags connected with more gags. Anything goes in this hyperactive, delightfully bizarre comedy, and the end result is sure to leave a goofy smile on your face.

กรกฎาคม 04, 2550

ไปอุดหนุน เอ็นกิ บิลัล ที่ TBT มาครับ (สมาชิก AIS ลด 10%)




เมื่อวานต้องไปรับลูกสาวกลับบ้านที่บ้านแม่ยาย เลยมีโอกาสผ่านไปที่ TBT
(ไม่แน่ใจว่าเป็น Thai Book Tower หรือ Thailand Book Tower)
แวะเข้าไปดูหนังสือออกใหม่ จริงๆรอหนังสือเกี่ยวกับพี่เจ้ย อภิชาติพงศ์ ที่จะออกกับ
สองสำนักพิมพ์ คือ Free Form กับ Bioscope

ปรากฏว่า พบหนังสือ Enki Bibal ออกแล้ว! หนังสือ Graphic Novel (เรียกให้สวยๆ)
จากประเทศฝรั่งเศส ต้นแบบหนังเรื่อง Immortal ครับ หนังสือเล่มหนาทีเดียว
(รวม 3 ภาคไว้จนครบ) กระดาษมัน พิมพ์สี น่าอ่านมากๆ แต่ราคาก็... 450 บาท

เป็นสมาชิก AIS สามารถรับส่วนลด 10% ทันที จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 50 นี้ครับ (เหลือ 405 บาท)

ปล. ยังไม่ได้อ่าน ซื้อมาดองไว้ก่อน ชอบครับ :)

กรกฎาคม 03, 2550

การออกแบบเชิงวัตถุ (UML)

ในการออกแบบโปรแกรม อุปกรณ์ที่ช่วยอย่างหนึ่ง เรียกว่า UML
คำว่า UML ย่อมาจาก Unified Modeling Language
ภาษา UML นั้น เป็นภาษาในการออกแบบ Class ของโปรแกรม
ที่มีลักษณะเป็น OO (Object Oriented)

OO เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมใช้งาน หลักการของมัน
คือการมองทุกอย่างเป็น Object ซึ่งในตัวมัน มี
ส่วนประกอบ (attribute) และ กิจกรรม (activity)

ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ เป็น Object
มี attribute คือ สี, ล้อ, รุ่น, ยี่ห้อ
มี activity คือ วิ่ง, เติมน้ำมัน, จอด

หรือเราอาจมองว่า หมา กัด แมว

หมา คือ 1 object
กัด คือ 1 activity ของ หมา
แมว คือ 1 object

มันคือการ interactive กันระหว่าง object 2 ตัว

นี่คือที่มาของการเขียน diagram หรือภาพที่ใช้แทนการ
ออกแบบ object ในการเขียนโปรแกรมประเภท OO

ว่าแต่ "ความรัก" นี่เป็น object หรือเปล่า
แล้ว activity และ attribute ของมันคืออะไร