ตุลาคม 31, 2550

ฤดูหนาวเอย

สายลมฤดูหนาวย่างเข้ามาปลายเดือนตุลาคม
แต่สายลมนี้ พัดเอาฝนมาด้วย เป็นละอองน้ำลอยปะทะหน้า
ความรู้สึกลึกนั้นอยากให้ฝนไม่ตก เพียงอยากรับลมหนาว
พาเอาความเย็นให้กับร่างกายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้สามสิบเอ็ดปีกว่าแล้ว

จำได้ว่า ฤดูหนาวที่เมือง บริดจพอร์ต รัฐคอนเนคติคัท ประเทศอเมริกา
มีหิมะตกกระหน่ำ ปีนั้น จำได้ว่า ท่วมรถที่จอดริมทางในมหาวิทยาลัยจนมิด
คนที่จะเอารถต้องใช้พลั่ว กวาดหิมะออกเป็นทางก่อน ถึงจะเปิดประตูได้
แต่ยากเกิน ที่จะพารถไปด้วย เพราะดูแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้
ตอนที่ทำงานกะดึกในปั๊ม โมบิล ก็ต้องกวาดหิมะ หนักและหนาวจัด
อุณหภมิ ไม่ต้องใช้ปรอทวัด น่าจะกะได้ว่าต่ำกว่า ศูนย์องศาเซลเซียสแน่ๆ
(ไม่ต่ำกว่าแล้วมันจะเป็นหิมะได้ไง ฮ่า)

ดีใจที่หน้าหนาวมาเยือน ปกติผมชอบความเย็น
เพราะมันทำให้ผมตระหนักว่า ยังมีความสุขในชีวิตอีกเรื่องที่เราๆสามารถสัมผัสได้
โดยไม่ต้องใช้เงิน... ฤดูหนาว

ตุลาคม 30, 2550

idea for comic!

แพนดารา ยอดมนุษย์!

คุณสมบัติ หน้าตาดี อวบมาก หุ่นสะบึ้ม
พลังพิเศษ แย่งแฟนชาวบ้านได้แม้จะรักกันปานกลืนกิน
ตอนที่ 1 กำเนิด แพนดารา
ตอนที่ 2 แพนดารา ปะทะ ศิลปิน ไส้แห้งและไม่แห้ง
ตอนที่ 3 แพนดารา ปะทะ นักวิทยาศาสตร์ รางวัล และไม่รางวัล
ตอนที่ 4 แพนดารา ปะทะ เด็ก ก่อนวัยรุ่น
ตอนที่ 5 แพนดารา ปะทะ วัยรุ่นวุ่นรัก ชอบลอง
ตอนที่ 6 แพนดารา ปะทะ วัยทำงาน เริ่มสร้างครอบครัว
ตอนที่ 7 แพนดารา ปะทะ วัยเกษียณ
ตอนที่ 8 จุดจบของแพนดารา
ตอนที่ 9 การกลับมา (อีกครั้ง) ของแพนดารา (เพื่ออะไร)

ความหนา 20 หน้ากระดาษ
กำหนดการ ยังไม่รู้จะวาดเมื่อไหร่ แต่จะพยายามให้ทันวันที่ เก้า พย (ฮา)

เสียงพูดในสาย

"แหมเสียงหล่อกว่าตัวจริงนะเนี่ย"

"พี่ไม่ต้องคิดมากหรอก..."

"ไปนอนได้แล้ว ฝันร้ายนะ"

ครั้งแรกที่ได้คุยกันในสายโทรศัพท์
เพียงเพราะ ความห่วงใยเรื่องปัญหาที่ได้บอกไว้ตอนกลางวัน
ทำให้ต่อยอดยาวนานเกินหนึ่งชั่วโมง
โปรโมชั่น โทรต่างเครือข่าย
นาทีแรก สามบาท นาทีต่อไป นาทีละหนึ่งบาท
คาดว่าหมดไป ไม่น้อยกว่า หกสิบบาทแน่ๆ!

ขอบคุณนะ...

ตุลาคม 29, 2550

ผมไม่เข้าใจ

ผู้หญิง
บางครั้งดูไร้หัวใจ
บางครั้งดูจริงใจ
บางครั้งดูอ่อนไหว
บางครั้งดูเข้มแข็ง
บางครั้งอยากกอด
บางครั้งอยากหลีเลี่ยง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
ผู้ชายกับผู้หญิงยังคงเป็นของคู่กันเสมอ

นอกจาก...

เหนื่อยจัง

เหนื่อยจังเลยวันนี้
น่าจะมีคนที่เราอยากให้อยู่อยู่ใกล้ๆกัน
คงเป็นความเหนื่อยล้าที่เกิดในใจ กับทางกาย
เพียงหวังใครซักคน

ไม่ได้ห่างไกล

บางครั้งคำว่า "Best Friend" ก็เป็นคำซึ้งที่พูดยาก
เมื่อวานได้ชมหนังเรื่อง Clerks 2 ที่ House RCA
มีบางตอนที่ผมน้ำตาไหล(ซึ้งบางฉากกับหนังตลก)

คงมีเพียง แสงแดด ลมพัดไหว และฤดูหนาว ช่วยปลอบใจ
ความเศร้า..
ไม่เคยหายไป
เสียที

ตุลาคม 26, 2550

Revengomic

เหมือนมีระเบิดเวลาอยู่ในหัว รอคอยวันระเบิดออกเพื่อให้สมองแหลกกระจุย ทว่าความจริงย่อมไม่เปลี่ยนแปลง ความเจ็บปวดย่อมไม่หายไปจากหัว เพียงเพราะเรื่องราวต่างๆร้อยพัน ซัดกระหน่ำเข้ามาทำลายกลไกทางความคิดและจิตสำนึก ไม่คาดคิดว่าจะรุนแรงเรื้อรังยาวนานได้ถึงเพียงนี้ แค่หลับตา ภาพที่เจ็บปวดไม่เคยหายไป กลับชัดเจนเหมือนอยู่ตรงหน้า เหมือนฝันร้ายที่กลายเป็นจริง เหมือนนรกที่อยู่บนดิน ทุกอย่างที่เห็น ที่ได้ยิน ที่ได้สัมผัส ทำร้ายจิตใจให้ปวดร้าว เพียงก้าวขายังยากลำบาก เพียงเปิดเปลือกตา หรือเงยหน้ามองรอบกายยังยากเย็นแสนเข็ญ ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์สุมในใจ เหมือนมีสัตว์ร้ายจ้องทำลาย เหมือนกำลังบ้า...

ผมเหลาดินสอจนปลายแหลมพอจะแทงคนตายได้ จึงบรรจงวาดภาพการ์ตูนเพื่อขับไล่ความเครียดให้ออกมาในรูปของ คนที่ทำร้ายผม คนที่ดูถูกผม คนที่ใส่ร้ายผม คนที่เอาเปรียบผม คนที่เนรคุณผม คนที่หักหลังผม คนที่ด่าว่าผม คนที่ทำร้ายร่างกายผม คนที่มีจิตใจเลวทราม คนที่เห็นแก่ตัว คนที่มีเพียงตัว คนที่ลอบกัดผม และคนเลวอื่นๆในแง่อื่นๆที่ผมรู้ พวกมันอยู่ในซอกหลืบต่างๆของสังคม ถูกผมวาดออกมาเป็นตัวละครในการ์ตูนทั้งหมดทั้งสิ้น

ผมจะวาดตัวเองเป็นผู้ทำลายล้างพวกมัน ด้วยสองมือและสองตีน หมัดลุ้นๆ ตีนลุ้นๆ ไร้ซึ่งปืนผาหน้าไม้ หรืออาวุธอาเว้ทใดๆ แลกกันจะๆ ตัวตัว แต่ขอโทษ ... ผมไม่เคยเป็นผู้แพ้ (แม้พวกมันจะมาแบบหมาหมู่) เพราะผมเป็นคนวาด แน่นอนว่า ผมต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น แม้จะเลือดอาบโทรมกาย แขนขาเหวอะ หัวแตก ปากแตก กำดาวไหลตามร่อง หรือแม้แต่ชิ้นส่วนหลุด... ใช่ ผมต้องชนะเท่านั้น เพื่อให้สมกับความเลวของพวกมัน แม้ตาย (ในการ์ตูน) ก็ยอมเข้าแลก ที่สำคัญที่สุดในการวาดทุกครั้ง ผมใช้ชื่อจริงของพวกมันแต่ละคน เป็น Boss ของแต่ละตอน เหอะ ๆๆ

ใช่แล้ว มันคือการ์ตูนลึกลับที่ยังไม่เคยได้ถูกเปิดเผยกับใคร นอกจากเพื่อนรักผมเพียงไม่กี่คน ซึ่งรู้เรื่องราวข้างหลังของการ์ตูนเหล่านี้ด้วย และพวกเขาเรียกมันว่า Revengomic ! และคนต่อไปที่ผมกำลังวาด... คือ

บทสัมภาษณ์

วันนี้ ผมได้พูดคุยกับคุณปราบดา หยุ่น และคุณ สิบเดซิเบล เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง
Bug เพื่อเอาบทสนทนาไปลงหนังสือ HYBBY Ending

สวัสดีครับ คุณคุ่นและคุณสิบเด อยากทราบว่าวันนี้รถติดไหมครับ ก่อนอื่นเลย

(แย่งกันตอบ) ติดมากเลยครับ

เข้าเรื่องเลยแล้วกันครับ รู้สึกยังไงกับหนังเรื่อง Bug ของ Liongate เกี่ยวกับประเด็น
หลักๆ ที่หนังพยายามจะสื่อให้คนดูได้ทราบ

ปราบดา: ผมยังไม่ได้ดูเลย
สิบเดซิเบล: มีสมุนไพรไหม กอสระอู ขอหน่อย

เอ่อ...ผมอึ้งไปสามนาที ก่อนจะนึกได้ว่าผมยังไม่ได้บอกทั้งคู่ว่าจะสัมภาษณ์เรื่องนี้

ปราบดา: ครับ เราขอตัวก่อนนะ คราวหลังเตรียมตัวมาก่อนนะ
สิบเดซิเบล: คราวหน้า เขียนอะไรยาวๆหน่อยนะ อย่าหักมุมจบมั่วๆแบบนี้

ครับ ผมตอบ ... (แต่ไม่เชื่อ ฮ่าๆ)

ตุลาคม 25, 2550

ชายที่รักเธอ

แปลกใจไหม เวลาที่คุณเห็นผม มักเป็นเวลาที่คุณกำลังมีปัญหา
เวลาที่คุณกำลังอ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ไร้ทางออก หรือร้องไห้
เวลาที่คุณมีความสุข อยู่กับเพื่อนหรือคนรัก คุณจะไม่มีทางได้เห็นผม
ผมไม่บอกคุณหรอกว่าทำไม แต่อยากให้คุณรู้ไว้ว่า สำหรับผม
คุณคือคนสำคัญเสมอ สำหรับคุณ ผมไม่ใช่คนสำคัญอะไร
อย่างน้อยผมก็อยากให้คุณรู้สึกเช่นนั้น.. ตลอดไป

เมื่อก่อน เราสองคนเพียงพบกันแค่ผ่านๆ ไม่มีการพูดคุยทักทาย
ยากนักที่จะบอกว่าคุณรู้จักผม แต่ผมเชื่อว่า คงมีบางครั้ง
ที่สายตาคุณ คงเคยเหลือบแลสัมผัสกับใบหน้าของผมเพียงห่างๆ
ไม่ว่าคุณจะคิดเช่นไร เห็นหรือไม่เห็นผม ไม่เป็นไร อย่างน้อย
ผมก็เห็นคุณจากมุมมืดมิดที่ไม่มีคนสังเกตสังกา ให้ความสำคัญใดๆ

ตอนนี้ คุณคงรู้จักผมชัดเจนขึ้น ก็วันที่ผมเอาของไปให้เพื่อนคุณ
และไม่คาดฝัน เพื่อนคุณแนะนำผมให้คุณรู้จักอย่างเป็นทางการ
เพื่อนคุณไม่รู้หรอกว่าผมคิดอย่างไรกับคุณ เขาเพียงทำหน้าที่ทางสังคม
การแนะนำคนที่ตนรู้จักให้กับคนที่ตนรู้จักอีกคน มันก็แค่นั้น
ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขาเท่าไร
แต่ผมแอบคิดเล็กๆว่า ถ้าเขารู้ว่าผมคิดอย่างไรกับคุณ เขาคงไม่แนะนำ
เพราะผมเองที่เชื่อมั่นว่า เขาเองก็คิดกับคุณเหมือนที่ผมคิดกับคุณ

ทำไมท้องฟ้าช่างสดใสนักวันนี้ แต่ใจผมกลับไม่สดใสเหมือนท้องฟ้า
ใช่แล้ว ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่ ใจผมคิดถึงหน้าคุณ แปลกดีไหม
ถ้าคุณยังจำได้ วันที่เขาแนะนำคุณให้รู้จักกับผม ผมไม่กล้าสบสายตาคุณ
คุณอาจสงสัยว่าผมเป็นอะไร หรือคงเดาว่าผมเป็นคนขี้อาย หรือไม่ก็ไม่ชอบสังคม
แต่ผมอยากบอกว่า ที่ผมไม่กล้าสบสายตาคุณ มันก็เพราะผมกำลังหน้าแดง
ใช่แล้ว ผมกำลังหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุก

ถ้าวันเวลาสามารถกำหนดได้ว่าให้เคลื่อนคล้อยไปช้าเชื่องเหมือนปุยฝ้ายละเลียดไหล
ไปตามผ้าลื่นที่เอียงทำมุมไม่มาก แต่มากพอให้ปุยฝ้ายขยับ
ผมเชื่อว่าผมอยากให้เวลาเคลื่อนไปช้าๆแบบนี้ ในเวลาที่มีคุณอยู่ข้างกาย
ผมเชื่อว่าผมโชคดีกว่าทุกคนในโลก ตราบที่ทุกวินาทีที่ผมหายใจอยู่
มีลมหายใจคุณพัดวีอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจที่ให้กับผม
คำว่ากำลังใจ ฟังดูแปลกๆ ว่าไหม ผมรู้สึกว่า ใจมันเป็นนามธรรมมากๆ
แต่เมื่อตามหลังกำลัง มันฟังดูฮึกเหิมดีจริงๆ

อีกไม่กี่ชั่วโมง ผมกับคุณต้องลาจากกันชั่วนิรันดรภพ.. ใช่แล้ว
ผมขอสารภาพความในใจให้คุณรู้

ผมมีคุณเสมอในทุกวัน และมีคุณเสมอในทุกลมหายใจเข้าออก
และผมจะขอมีคุณเสมอ แม้เราจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันในชาตินี้แล้ว
รักคุณ และพบกันในไม่ช้า...

ตุลาคม 24, 2550

หนองน้ำแน่นิ่ง

ร่างกายผมเปียกไปหมดตอนเปลือกตาผมเผยอขึ้น

รอบกายผมมีเพียงน้ำและน้ำและน้ำและน้ำและน้ำ
ผมนอนอยู่กลางหนองน้ำตื้นๆ ที่มีเพียงใบหน้าส่วนจมูกเท่านั้น
ที่โผล่พ้นน้ำ นอกนั้นจมใต้ผิวน้ำที่นิ่ง

ร่างกายผมไม่สามารถขยับได้ ไม่รู้เพราะอะไร
ผมพยายามลุกขึ้นให้พ้นผิวน้ำนั้นแต่ทำไมทำไม่ได้

ห่างออกไปจากหนองน้ำ เป็นแนวไม้
แนวไม้ที่หนาหนั่น ทึบอับ ปรับมุมยังไงก็มองทะลุไกลยากยิ่ง
ผมเปรียบประดุจหมาหัวเน่ากระดูกหัก ทำได้เพียงนอนนิ่งกลางไพร
ก่อนหน้านี้ผมทำอะไรมา ผมถึงมานอนอยู่ในหนองน้ำนี้
ผมเองก็ไม่อาจทราบได้

...

หลายเดือนก่อน ผมพบเธอที่ตลาดสด วันนั้นเป็นวันพระ
เธอมากับแม่ของเธอ ในมือเธอ ถือถุงพลาสติกใส่อาหารที่จ่ายตลาด
ผมมองไม่เห็นรายละเอียดใดๆในถุงพลาสติกนั้น แต่ผมเห็นหน้าเธอ

เธอหน้าตาหมดจด สวยธรรมชาติ ยากยิ่งจะนิยาม
เพียงบอกแค่ผิวกายละเอียดประดุจผิวผ้าไหมเกรดเอ
ผมเองก็ไม่แน่ใจนัก เพราะผมไม่เคยสัมผัส
สายตาอาจละลาบละล้วงไปเกินเลยจนเปรียบเปรยเธอได้
แต่ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ที่แน่ๆ หน้าเธอตรงใจมาก

ผมทำอาชีพขายกาแฟในตลาด เธอเดินผ่านผมโดยไม่ซื้อ
แต่ผมมองหน้าเธอค้าง จนเธอสังเกตเห็นและหยุดมองหน้าผมเพียงขณะ

หัวใจผมเต้นระรัว และสิ่งที่ผมต้องการพูดออกไปก็เริ่มต้น

"สวัสดีครับ รับกาแฟเย็นไหม"

ปากสั่น แต่สั่นสู้ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงกล้าพูดออกไป
ผมไม่เคยพูดกับลูกค้าคนไหนแบบนี้มาก่อน

"เอาเอสเพรซโซ่ร้อนดีกว่าค่ะ ดับเบิ้ลชอทไปเลย"

ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด ร้านผมมีแต่กาแฟเย็นกับกาแฟร้อน
ภาษาอังกฤษที่เธอพูดมา ทำให้ผมงง แต่ผมก็ตอบไปว่า

"ได้ครับ รอสักครู่นะ ว่าแต่คุณไม่ค่อยได้มาจ่ายตลาดที่นี่ใช่ไหม"

"ฮ่าๆ " เธอหัวเราะ และบอกว่าเธอพูดเล่น ร้านผมจะมีได้ไง
ของที่เธอสั่ง มันคือกาแฟสด ที่เธอไม่รับจากร้านในตลาดแน่ๆ
แต่เธอเห็นผมจ้องหน้าเธออยู่อย่างนั้น เธอเลยจะแกล้งผมเล่น

แล้วเธอก็เดินจากไป

...

มีเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามใกล้ๆ จุดที่ผมนอนแน่นิ่งในหนองน้ำ
ผมตะโกนออกไปสุดเสียง "ช่วยด้วย ๆๆๆๆๆๆๆ "

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และโผล่พ้นแนวไม้ทึบหน้า
ผมเห็นใบหน้าของผู้มาเยือนชัดเจน

และผมก็สามารถขยับตัวลุกจากหนองน้ำนั้นก่อนที่คนผู้นั้นจะมาถึงตัว

ผมโกยอ้าว... ไม่เหลียวหลังกลับมาดู

ตุลาคม 22, 2550

20 ตค วันเกิดลูกรัก, 21 ตค ท่องงานสัปดาห์, 22 ตค กลับมาทำงาน

วันเสาร์ที่ 20 ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดครบรอบ 1 ขวบถ้วนของน้องเฟย์ ลูกสาวสุดที่รักครับ
ผมกับหุยก็เลยพาลูก พร้อมกับ แม่หุยและน้องๆหุย ไปที่วัดเพื่อถวายสังฆทาน
โดยเป็นการถวายของที่ผมกับหุย ไปเลือกของใส่ถังสังฆทานเอง ที่คาร์ฟูรัชดา

หลังจากถวายสังฆทานเสร็จ ผมก็พาลูกไปเดินเที่ยวงาน ลูกโป่ง ที่เซ็นทรัลพระราม 3
จริงๆวันนี้ เพื่อนส.มศว.ปทุมวัน นัดกันไปพบ พระด๋อย ที่วัด ผมไม่สามารถไปด้วย
เพราะเป็นวันเกิดลูก และวันนี้ มีการบันทึกเสียงกับพี่ปราบดา ที่ห้องอัด
แต่ผมก็ไม่ได้ไป เพราะเป็นวันเกิดลูกเช่นกัน ก็เลยสรุปว่างดไปทำอย่างอื่น ได้อยู่กับลูก
มีความสุขมากๆครับ

วันอาทิตย์ที่ 21 ผมตื่นประมาณ 10 โมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว รีบออกไป จะไปเดินงาน
สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เนื่องจากไม่ได้หุงข้าวไว้ ก็เลยออกไปกินที่ ศูนย์ประชุมฯ
เลยดีกว่า ไม่ต้องอุ่นแกงเขียวหวานที่พี่หน่อยทำไว้ด้วย

ไปถึงงานสัปดาห์ประมาณ 11 โมงครึ่ง ซื้อข้าวมันไก่ ราคา 40 บาท แต่ปริมาณน้อยจัดๆ
หาที่นั่งก็ยาก คนเริ่มทยอยมาเยอะเรื่อยๆ ได้ที่นั่งก็กินไม่อิ่มอีก
เลยต้องไปซื้อ ก๋วยเตี๋ยวแคระ ต่ออีก 35 และบังเอิญ ยังจุอาหารได้อีก ก็เลย
ต่อด้วย ไอติมกะทิ ตักเครื่องได้เอง 20 บาท รวมไปกว่า 95 บาท (โห... food center ไรเนี่ย)

หลังจากนั้น ก็เข้าไปเดินในงานเลย เป้าหมายแรกคือไป นายอินทร์ เพราะวันเสาร์แวะมาดูแว้บๆ
ก่อนกลับบ้าน (พอดีนั่งรถใต้ดิน เลยแวะสะดวก) แต่บังเอิญผ่านร้าน
หนังสือใต้ดิน (Underground) ก็เลยแวะ ได้หนังสือมานิดหน่อย (Free Form, Happening
และหนังสือหนังของพี่ 'ปราย พันแสง -- เก่าแล้วเกี่ยวกับหนัง ปกดำๆ จำชื่อบ่ได้)
ชอบมากเลย บทแรก เพราะเขียนถึงเถี่ยน หมี มี่
ได้อย่างดี ผมเอามานั่งอ่านตอนหลังจากกลับจากงาน ยอมรับว่า น้ำตาไหล (นึกถึงฉากตาม)
อ่อ น้องคนขายน่ารักดีอ่า :O

ที่ร้านนายอินทร์ ตอนแรกในใจคิด อยากหาหนังสือลดราคาของ "ธวัชชัย คิดอ่าน" แต่
พบสองสามเล่ม "ที่ผมมีหมดแล้ว และซื้อราคาปกติมา" -- กรรม -- ก็เลยไม่ได้ซื้อ

สรุปว่า จบลงที่ร้านโฆษิต เพราะขายหนังสือลดราคาเยอะและสภาพหนังสือไม่โดนทำลายมาก
จริงๆอยากลองงานของ "คาฟค่า" เพราะเห็นชื่อคนนี้ จากหนังสือของ มุราคามี

ก่อนกลับจากงานก็ประมาณเกือบบ่ายสอง ไม่ทันได้เจอพี่คุ่นเลย ฮ่าๆ

วันนี้ 22 กลับมาทำงานอีกครั้ง (หลังจากหยุดไปสองวัน) อากาศทำไมเย็นๆสบายๆดีจัง
หรือว่าเข้าใกล้คำพยากรณ์!

ตุลาคม 18, 2550

ความสุขนั้นอยู่ที่ใจ

บางครั้งเราคิดว่า ทำไมมันเป็นความรู้สึกดีๆที่เกิด
แต่พลันไม่นาน ความรู้สึกดีๆนั้นก็สลายไป
เพราะเราเป็นเจ้าของชีวิต เราย่อมต้องรับไป
หากคนเรามีชีวิตเพื่อการเรียนรู้
เชื่อว่า ไม่มีสามารถใครเรียนจบได้จริงๆหรอก

ความสุขนั้นอยู่ที่ใด ถ้าไม่ใช่ อยู่ที่ใจ
...

ผมตั้งใจจะทำงานเพลง แทนการไป Team Building
ไม่รู้ว่าจะมีอะไรตามหลังมาบ้าง แต่ก็พร้อมรับเสมอ
ไม่อยากทำ ..คุณได้รับสิทธิ์ ความเป็นเจ้าชีวิตคุณ
เดี๋ยวนี้...

จริงหรือ

ตุลาคม 17, 2550

เหมือนสสาร

คิดถึงกัน เหมือนที่ฉันคิดถึงเธอ
แม้ยามห่างไกล ในใจฉันมีแต่เธอ
ความรักคืออะไร คนที่ใช่ยังคือเธอ
ชีวิตเป็นของใคร ชีวิตฉันเป็นของเธอ

แม้ฟ้าไม่อวยพรให้เรา แต่ฉันเชื่อเสมอว่า
ในสักวันหนึ่งของชีวิต เราสองคนจะมั่นใจ
ว่าสิ่งต่างๆที่ผ่านมา ไม่เคยเสียเปล่า
ความสุขที่เกิด จะจารึกชั่วนิจนิรันดร์
เป็นความสุขที่ยั่งยืน เหมือนศิลาตั้งตระหง่าน
ลมหายใจของเรา แม้หมดสิ้นลง
แต่ความสุขที่เกิด จะอยู่ต่อไป
แม้จักรวาลจะสิ้นสลาย
แล้วกลับมาใหม่
จะกี่ล้านล้านล้านล้านปี
ความรักของเรา ความสุขของเรา
เมื่อเกิดแล้ว ก็จะอยู่อย่างนั้น
ยั่งยืนถาวร เหมือนสสาร
ที่ไม่มีวันสูญสลาย หรือเพิ่มขึ้น มีแต่จะเปลี่ยนรูป...

และแล้ว..เราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

มีความสุขเมื่อชีวิตนี้มีเพื่อนสนิทคนใหม่ที่มาแทนเพื่อนรักที่จากไปเสียที
ตอนนี้เราไม่ต้องทรมานกับความรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวอีกแล้ว

ท้องฟ้าตอนนี้มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาแล้ว

ดีจัง!

ตุลาคม 16, 2550

ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง

การก้าวเท้าไปข้างหน้า
บางครั้งยังยากลำบาก
เพราะเราเองเหมือนมีมือคอยรั้งไว้ให้เท้าหนัก
เป็นไปได้ไหมที่เสียงกระซิบจะมีพลังพอ
ทำให้เรื่องบางเรื่องเป็นที่รับรู้กันได้
กำลังใจที่มีเสมอมา ทำให้เรารู้แล้วว่า
หนทางที่มีค่า เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ
แต่เป็นที่จิตใจ... ที่เคียงข้างกันเสมอในวันที่เกิดปัญหา
ในวันที่เศร้า และในวันที่ต้องกดดันกับเรื่องราวมากมาย
พัดกระหน่ำเข้ามาในชีวิตคนเรา

เพียงกำลังใจเล็กๆที่ให้กัน
สามารถทำให้การก้าวเท้าที่หนัก
กลายเป็นผ่อนคลาย
ไม่ต้องเหนื่อยยากลำบาก
เพราะมีกำลังใจ
เพราะมีพลัง
หลายครั้งรำคาญความเห็นของคนบางคน
ที่คล้ายก่อกวนประสาท โดยที่คนกวนไม่เคยเหลียวมองตัวเอง
อย่าคิดว่าการทำตัวไม่ดีไม่มีคนรู้
เคยทำอะไรไว้ อย่างน้อย คนทำก็ย่อมรู้ดี
สมควรแล้วที่ไม่ต้องพึ่งพา...
ท้องฟ้ายังคงคล้ำหม่นด้วยเมฆที่เคล้าคลุกกับสีเทา
ละอองน้ำในอากาศสัมผัสผิวบางเบา
น้ำตาเหือดแห้ง เหลือเพียงรอยยิ้มสดใสหัวใจกลัดหนอง
ความจริงคือความจริง
สิ่งที่หลุดมือไป ยังคงไม่หวนกลับมา
สิ่งที่อยู่ในมือ บางครั้งไม่เคยคิดต้องการอย่างแท้จริง

สวรรค์อยู่ไหน คนเราเลือกได้ไหมว่าจะไปสวรรค์หรือนรก

เป็นไปได้แน่ ถ้าเรารู้ว่า... ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง

ตุลาคม 15, 2550

ผู้รู้ที่แท้จริงคืออะไร

คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรบ้าง
และพร้อมที่จะเรียนรู้ และไม่แสดงภูมิอวดอ้างว่าตัวเองเก่ง
พวกยกตนข่มท่าน อ่านประสบการณ์มาก
คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ผู้รู้ที่แท้จริงทั้งนั้น

การกระทำสื่อให้เรารู้ว่าใครเป็นเช่นไร
คิดก่อนทำ จึงยังสดใหม่อยู่เสมอครับ

บุญรักษา

6th Recording Session

On Oct 13, I picked up P'Koon around 1:45 pm to the studio because
Krachai shifted the regular schedule to 2:00 pm.
When we arrived, I still had to wait for the room to be ready about 2 hours.
And before start recording, P'Koon, Krachai and I went to eat lunch (or dinner?)
at the market nearby.

We recorded "me in the dark" for melody rhythm section. My left fingers was
not as hurt as chord rhythm section (which I at last could not do it, Krachai did)

So recording time was from 5:30 (or 6:00 pm) till 10:30 pm.

Next week no schedule for Tues and Thurs and also Sat I cannot come to record
because of my daughter's birthday.

Wow.. I have to write thank you message for the CD cover too!
Wish me luck!

ตุลาคม 12, 2550

ในคืนที่ฉันเปียก

ฝนตกหนัก ช่วงนี้ ตอนกลางคืน เมื่อเดินออกไปนอกบ้าน
ห่าฝนกระหน่ำไม่หยุดหายใจ ราดตัวเธอจนเปียกปอน
ชุดนอนเธอถอด เปลือยกายยืนนอกบ้าน รับฝนยามดึกอย่างสบายใจ
เพราะไม่มีวันที่ใครจะเห็นได้ (ตามความคิดของเธอ)

เม็ดฝนชนเข้ากับเปลือกตา หลับตาลง ขยี้ตา
ทั่วกายเปียกปอน หยาดหยดรดกายเปล่า สุขสม

และกลับเข้านอนทั้งกายเปียก พร้อมตื่นขึ้นมา..เป็นหวัด

ตุลาคม 10, 2550

สิ่งที่มอบให้โดยไม่หวังให้เธอได้รู้

ในห้องทำงาน บนชั้นยี่สิบเอ็ด ที่ตึกแห่งหนึ่งบนถนนสายใหญ่
มีพนักงานออฟฟิซหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่ง กำลังแอบรักพนักงานออฟฟิซหญิงคนหนึ่ง
สิ่งที่เขามอบให้เธอเสมอ แทบทุกวัน คือสิ่งของเล็กๆน้อยๆ ตามที่ใจเขาอยากให้
เขาไม่เคยหวังอะไรตอบแทนจากเธอ แม้เพียงการรับรู้ว่าตัวเขาเองคือผู้ให้
โดยทุกวันเขามอบอะไรให้เธอ เขาจะไม่บอกเธอให้รู้ และเธอจะไม่รู้ว่าใครให้
อย่างเช่น ขนมหวาน หนังสือ ซีดีเพลง ดีวีดีหนัง เพลง mp3 ซึ่งทุกวันตอนเช้า
เขาจะเอามาแอบวางไว้ที่โต๊ะเธอ และติดโน้ตเดิมๆว่า "ขอให้สนุกนะครับ"

ปรกติ ชายหนุ่มมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เขาไม่เคยมาสาย และกลับบ้านตรงเวลา
ไม่เคยกลับช้า และสิ่งที่เขามักทำประจำคือ ชงกาแฟตอนเช้า และไม่ล้างแก้ว
แต่จะล้างตอนเช้าของวันถัดไป ปล่อยให้ถ้วยกาแฟทิ้งไว้ ก่อนกลับบ้านในทุกวัน

มาช่วงหลังๆ เขารู้สึกแปลกใจ ทำไมตอนเช้าที่เขามา ถ้วยกาแฟของเขาสะอาด
เพราะไม่มีน้ำสีดำออกมาตอนล้าง เหมือนไม่มีคราบกาแฟอยู่มาก่อน
เขารู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม และไม่ได้สงสัย

อยู่มาวันหนึ่ง ชายหนุ่มกลับบ้านตรงเวลา คือเลิกงาน ก็กลับ แต่เนื่องจาก
มีงานด่วนที่เขาต้องเข้ามาที่ออฟฟิซ ตอนนั้นเขาเดินทางออกไปได้ซักพักแล้ว
เมื่อเขาออกจากลิฟต์ เพื่อเดินเข้าออฟฟิซ เขาพบว่าหญิงผู้นั้นกำลังเดินสวนออกมา
เธอทำหน้าตกใจเมื่อเห็นเขา และก้มหน้าลงรีบเดินสวนไปทันที

ในมือหนึ่งของเธอถือแก้วของเขาอยู่ และมีขวดน้ำยาล้างแก้วอยู่อีกมือ
ที่โต๊ะของเขา ไม่มีแก้วกาแฟวางอยู่...

ตุลาคม 09, 2550

นิทานมั่วนิ่ม

นานมาแล้วมีหมาพูดได้
มันเป็นหมาที่ชอบพูดคำหยาบ ทะลึ่ง ลามก จกเปรต รับไม่ได้
อยู่มาวันหนึ่ง หมาตัวนี้ เดินเข้าไปในวังของพระราชา
ด้วยในคลัง Vocab มันมี ทำให้มันพูดแต่คำหยาบๆให้พระราชาฟัง
ด้วยพระราชา เกิดมาก็ฟังแต่ราชาศัพท์ เลยตื่นเต้นมากกับ Vocab ของหมา
พระราชาเลยพระราชทานบ้านหมา ติดแม่น้ำ ให้หลังนึง พร้อมกระดูกควายอีกสิบกิโล

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ปากหมา ได้ดี มีเหมือนกัน... (จริงอ่า 555+ ตลกคนเดียว -_-')

เปลี่ยนแปลง

ท่ามกลางความสับสน อยากบอกอะไรบ้างกับเธอ ที่ตอนนี้ไม่ยอมเรียกตัวเองว่าหนู
นี่คืออีกสิ่งที่เราสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ...เธอเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ...

มันก็แค่ความรู้สึกบางอย่าง เหมือนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
ใกล้สัมผัสความร้อนของผิวดวงอาทิตย์ ความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดได้
ในหนังเรื่อง Sunshine ... ความฝันว่ากำลังถูกดูดเข้าไปในดวงอาทิตย์
จนมอดไหม้ตายไปในกองเพลิงร้อนแรงของดวงอาทิตย์... เผาไหม้กายดับ

ความเปลี่ยนแปลง บางครั้งเกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ และไม่ทันสังเกต
เราเองคล้ายไม่เคยรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราเอง เพราะไม่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลง
มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ เหมือนการหัดขี่จักรยาน
เรามักลืมขั้นตอนการหัดขี่จักรยานจนหมดสิ้น เมื่อเราขี่จักรยานได้แล้ว
และนี่อาจเป็นเหตุผลเดียวกับคนที่ลืมบุญคุณคนอื่น
เมื่อสมหวังในสิ่งที่อยากได้แล้ว วิธีการได้มาย่อมไม่สำคัญเท่าสิ่งที่อยู่ในมือ

ปัญหาที่อยู่ในใจคนเราทุกคน คือทำอย่างไรให้รู้ตัว รู้ตื่น รู้เบิกบาน ตลอดเวลา
สติ เป็นสิ่งสำคัญ บ่อยครั้ง ผมห่างไกลคำว่ามีสติ และทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว
ทำให้ความเปลี่ยนแปลงที่ผ่านเข้ามา ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร

ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ขอเพียงเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติ
แค่นั้นก็คงเพียงพอ...

ตุลาคม 08, 2550

เหมือนฝัน...

เวลาช่วยเปลี่ยนแปลงความคิด ความรู้สึก ความเศร้า ความกังวล ความทรงจำได้จริง
บางครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ช่างไม่เหมือนกับที่คิดไว้ เหมือนฝันไป...
การที่คนบางคนได้รับรู้ข้อความที่คิดไว้โดยเราไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
สถานที่ลึกลับที่เหมือนสุสาน เก็บศพแห่งความเศร้าชื่อ nhephex blog ...

อะไรคือความจริง อะไรคือความฝัน หลายครั้งคล้ายไม่อยากตื่นจากฝัน
เพราะความฝันบางครั้งสวยงามและมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เคยคิดเล่นๆว่าความสุขนั้น ยั่งยืนถาวรแค่ไหน คำตอบง่ายดาย ไม่เคยเลย

แม้เราจะได้รับความสุขเพียงอย่างเดียวตลอดเวลา ไม่เคยได้รับความทุกข์
แต่อยากถามว่า ความรู้สึกเบื่อ คืออะไร ความสุขทำให้คนเราเบื่อหน่ายได้หรือไม่
และความเบื่อหน่าย ก็คือความทุกข์อย่างหนึ่งใช่ไหม

...

การที่ เพื่อน ได้รับรู้การดำรงอยู่ของความคิดที่เก็บไว้ในสุสานแห่งนี้เป็นเหมือนฝัน
แต่นี่คงเป็นเหตุผลบางประการที่ "กรรม" เป็นตัวกำหนด คนเราไม่อาจเก็บซ่อน
ความคิดตัวเองได้ตลอดเวลา ซักวัน ผลแห่งการกระทำจะปรากฎออกมา
ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ขอเพียงเรามีศรัทธาในสิ่งที่เราทำ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
และผลที่ได้ จะดีหรือไม่ดี ไม่สำคัญ ขอเพียงความตั้งใจของเรา คือความตั้งใจที่ดี

...

ขอบคุณที่เข้าใจ และไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่บ้าบอไร้ค่า
เพราะไม่ได้ต้องการประกาศให้โลกรู้ แต่สิ่งที่ทำคือการระบายออกซึ่งความกดดัน
ทั้งจากภายในและภายนอกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาในช่วงเวลาหลายปีนี้

ผมขอเพียงสิ่งที่ผมคิด สามารถส่งไปถึงคนที่ผมคิด และสิ่งที่ผมทำ
แค่นี้ก็เหมือนฝันพอแล้ว...

วันนี้มาทำงานสายไปครึ่งชั่วโมง...

ตุลาคม 05, 2550

หนังสือของพี่สิบเด

ได้เห็นปกแล้วครับ หนังสือรวมเรื่องสั้นของพี่สิบเดซิเบล

ชื่อหนังสือคือ "คณิตศาสตร์ รส." ออกแบบปกโดย อะแฮ่ม ปราบดา หยุ่น!

รอคอยเป็นเจ้าของกันได้แล้วนะครับ ไม่นานเกินรอ
เมื่อวานได้ข่าวจากพี่สิบว่า ได้เห็นหนังสือแล้ว สวยมาก โฮ... T_T

- ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง -

เมื่อฟ้าเปิดโปร่ง

ความเศร้า ความสุข สองอย่างขนานกันไปบนเส้นทางเดิน
หลายครั้ง เราจำเป็นต้องพักเข้าข้างทางความเศร้า
น้อยครั้ง เรามีเวลาหยุดอยู่ข้างทางความสุข

ในวันที่เราจำเป็นต้องแวะที่ข้างทางความเศร้า
พลันเราพบว่าฟ้าเปิดโปร่งโล่งแจ้ง ไม่มีเมฆหมอก
แสงแดดอ่อน ลมพัดเย็นสบาย และร่มเงาจากไม้ริมทาง

บางครั้งเราเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเรื่องที่เป็น
ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และเรื่องที่คิดก็คิดผิดๆ ไปเอง

การพูดคุยผ่าน เอ็ม เวลาห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง
ทำให้เราได้แสดงความรู้สึกลึกๆออกไป และบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ควรพูด

แต่สิ่งที่เกิดได้ทำให้เรารู้สึกว่า ท้องฟ้ายามแวะพักในฝั่งความเศร้า
เปิดโล่งให้เราได้รับแสงอบอุ่น พร้อมลมพัดเย็นสบาย ปลายฝน

ที่จริงการมีใครซักคนที่อยู่ข้างเรา และเป็นคล้ายคนผลักดันเราในที่มืดมิด
ถึงจะไม่ใช่แสดงสว่างนำทางให้เราเดิน แต่เป็นมือที่สาม ที่ผลักดันเราให้ก้าวไป
ก็เป็นสิ่งที่ดีและเทียบเท่าเรากำลังแวะอยู่ฝั่งความสุขเลยทีเดียว

หรือไม่แน่ ขณะนี้ เรากำลังอยู่บนทางที่ฝั่งความสุขและความทุกข์
เข้ามาบรรจบกันพอดี...

ตุลาคม 03, 2550

จากลา

เสียงรถบนถนนที่จอแจ ควันรถ และผู้คนเดินไปมา
ในหัวสมองก้อนกลมไร้ความหวัง หมายเพียงสูดลมหายใจต่อไปแต่ละวัน
การเมินเฉยเกิดขึ้นจากการไร้การสื่อสารใดๆต่อกัน เพียงน้ำใจที่แบ่งปัน
หลับตาลง มีเพียง "เพื่อนรัก" คนเดิมที่จากไป กำลังนั่งคุยกันข้างๆ
ไม่มีสิ่งใดมากกว่านี้ แทบทุกวันที่เหลืออยู่ในที่แห่งนี้ หามีที่พึ่งพิงทางใจใดๆเหลืออยู่

หลับตาลง มีเพียง "ความอึดอัด" ที่เกิดจากต้องจำทนอยู่ในสถานที่แห้งเหือด
และมีผู้ก่อการร้ายที่เคยทำชั่วช้าใส่แบบลับหลัง ยังคงมีชีวิตปรกติอยู่ที่นี่
ต้องอดทนต่อไป ตราบเท่าที่ สัญญา ยังคงผูกมัด เวลานับถอยหลัง อยากเพียงจากไป
อยากเพียงสถานที่ที่มีความหวัง มีความหมาย และมี "เพื่อน" ที่เรารัก ให้พักพิง

ความฝันปรกติเกิดตอนหลับ ถ้ามันสามารถผนึกรวมเข้าด้วยกันกับ ชีวิตปรกติได้ก็คงดี
เราจะให้ภาพฝัน กับสิ่งจริง ซ้อนทับกันและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและมีความหวัง
หากการจากลาเมื่อวาน สื่อสารข้อความบางอย่าง ผมพร้อมแล้วที่จะรองรับ
เป็นความสลดใจแต่มีที่ยึดเหนี่ยวทางใจได้จากลาไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงความทรงจำดีๆ
ที่มันเข้ามาอย่างรวดเร็วและจากไปแล้วไม่หวนกลับมา น้ำตาที่ไม่ไหลใช่ว่าไม่รู้สึก แต่ไม่จำเป็น
ร่างกายที่ไร้ชีวิตคืออะไร หลายครั้งที่เคยเป็น และตอนนี้กลับมาเป็นอีกครั้ง
เราต้องกล้ำกลืนความเศร้าเข้าไปในร่างกาย เพื่อแทนวิญญาณเราอีกนานแค่ไหน กว่าที่เราจะ...

จากลา

ตุลาคม 02, 2550

No recording today (again?)

Cancel Again... for today recording...

เพียงในใจ

จริงอยู่ ความหวังคือสิ่งที่สวยงาม มากคุณค่า สำหรับคนเราทุกคน
หลายครั้งที่เราทำอะไรแล้วหวังผล แต่มีปัญหาคือ ไม่มีการตอบกลับใดๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าความหวังไม่สมหวัง เราต้องมีทางออกสำหรับตัวเอง

ผมเฝ้าคอยความเป็นกันเองแบบสนิทสนม ด้วยความหวังดีสม่ำเสมอ
เป็นความหวังดีไม่ว่าเวลาไหน ที่ใด มันมาจากใจ คิดถึง ห่วงใย ไม่มีทิ้งกัน

ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำ คือความจริงใจ ที่ให้ไปโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
มันคือน้ำใจ มันคือสิ่งที่ไม่มีค่ามากมายแต่มีความหมายบางอย่าง ทำให้คนเราสุขใจ

หวังเพียงว่า ทุกครั้ง สิ่งที่ทำ ทำให้เธอมีความสุขไม่มากก็น้อย
หวังเพียงว่า วันหนึ่ง สิ่งที่ทำ จะส่งให้เธอเป็นเพื่อนรักผม

แต่วันเวลาผ่านไป ทุกอย่างยังคงลือนลางเหลือเกิน
ผมไม่เห็นว่าการกระทำของผมมีความหมายอะไรมากนัก
มันคงทำให้ผมรู้สึกเสียใจบ้างเป็นธรรมดา
แต่อย่างน้อย ในทุกวันที่ผมดำเนินชีวิต ผมมีความสุขใจ มีแรงก้าวเดิน ทำงาน

ความจริง เธออาจไม่เข้าใจ คนเรามีความละเอียดอ่อนทางใจไม่เท่ากัน
บางคนเข้มแข็ง บางคนอ่อนแอ แต่ทุกคนมีหัวใจแน่นอน

หวังว่าคงไม่รบกวนเกินไปนักถ้าจะเพียงสงบนิ่ง
คงเพียงคิดว่าสิ่งที่จะเกิดในอนาคตคืออะไร มันคงเศร้าสร้อยอยู่บ้าง
หวังว่าสิ่งที่ต้องการและเฝ้าคอย อยู่ในใจ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจริง

ทุกอย่าง ... เพียงในใจ ก็เพียงพอ