กันยายน 06, 2549

Misogynic Man


เที่ยงคืนตรง เวลานี้ เงียบ ไม่มีสัญญาณใดๆของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ผ่านไปผ่านมา แม้แต่หมาข้างถนน ยังไม่ออกมาเดินเพ่นพ่าน มีเพียงเสียงลมพัดหญ้า เสียงจิ้งหรีด เสียงจักจั่น บางเบา สยดสยองจนขนหัวลุกชัน อ้อ ไม่สิ วันนี้พิเศษกว่าหน่อย เพราะมีกลิ่นเลือด...ของคน
แสงไฟจากหลอดไฟริมถนน พอทำให้เห็นหน้าตาสวยแต่ยับเยินของ โยเย เด็กสาวปีสองจากมหาวิทยาลัยเปิดมีชื่อเสียงกลางเมือง เธอนอนกองอยู่ข้างทางเข้าสู่หมู่บ้านของเธอ ตาเธอปิดและมีสีเขียวช้ำเหมือนสีมะนาวเน่า เสื้อชุดนักศึกษาโดนฉีกขาด กระดุมทุกเม็ดแยกจากกัน เสื้อในยังอยู่แต่ไม่เข้าที่ดีนัก ที่ปากเลือดไหลสีแดงเข้มข้นเหนียว และเริ่มแห้งกรัง ขาทั้งสองมีรอยเหมือนโดนเหยียบทับด้วยของหนัก เข่าเป็นสีเขียวเข้ม เนื้อตัวช้ำไปหมด ตัดกับสีขาวของผิว ทำให้เธอดูเหมือนซากเน่าที่โดนทำร้ายโดยอะไรบางอย่าง สลบเหมือบไม่มีสติ
ย้อนกลับไปเมื่อสามสิบห้านาทีก่อน โยเยจับกระโปรงยาวแค่เข่า ก้าวขาลงจากรถแท็กซี่ คืนนี้เธอต้องเตรียมงานรับน้องใหม่กับเพื่อนๆ เธอเป็นเด็กกิจกรรมตัวเป้ง ร่วมมาแล้วทั้งงานกีฬามหา'ลัย งานปีใหม่ งานลอยกระทง งานวันแ ม่ งานวันเด็ก เรียกว่าเธอไม่เคยพลาด นอกจากจะป่วยจริงๆ ซึ่งนับครั้งได้
ระหว่างจุดลงรถแท็กซี่ เข้าสู่บ้านพักในหมู่บ้านชานเมือง ใช้เวลาประมาณสิบนาทีเดิน แต่เนื่องจากดึกมากแล้ว ผู้คนหลับไหล ถนนจึงไร้วี่แววคนที่จะทำให้ใจชื้น โยเย เดินจ้ำ ด้วยหวังจะให้ถึงเร็วๆ ในใจคิดว่า ถ้าให้ หมี เพื่อนชายที่สนิท มาส่งก็คงดี ไม่คิดว่าวันนี้ต้องดึกขนาดนี้ แถมยังโชคไม่ดี คนไม่มีเลย แสงไฟก็ไม่ค่อยสว่าง น่ากลัวมาก
"พลั่ก" วูบแรกที่เธอรับรู้ก่อนหมดสติคือของแข็งเหมือนไม้ สับมาที่ศีรษะทางด้านหลัง และภาพก็ดับเป็นสีดำ เธอล้มตัวลงกับพื้นไม่มีสติอีกนับจากนั้น และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


เวลาผมมองผู้หญิงผิวขาวในชุดนักศึกษา ผมจะเห็นใบหน้าของปีศาจ มันคือปีศาจที่มีเขี้ยวยาว เล็บดำ แยกเขี้ยว และกางแขนออก พร้อมจะกรีดเล็บอันยาวใส่ มันน่าเกลียดน่ากลัวเป็นที่สุด ผมขยะแขยงและหวาดกลัวเสมอที่ต้องเผชิญหน้า ยิ่งถ้ามีหน้าตาสวยในสายตาคนอื่นเท่าไหร่ ภาพจะกลับตาลปัตรสำหรับผม เพราะผมจะเห็นใบหน้าอันแสนอัปลักษณ์แทน เมื่อผมบอกเพื่อน ทุกคนก็ลงความเห็นว่าผมบ้า และควรไปหาหมอรักษาโรคอาการป่วยทางจิตนี้เสียแต่เนิ่นๆ ซึ่งผมไม่เคยเชื่อเพื่อนหน้าไหนทั้งนั้น เพราะผมเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ผมเห็น เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ผมไม่เคยมีแฟน แม้จะเคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงที่อายุมากกว่ามาแล้วสามคน ส่วนใหญ่จะเข้ามาหาผมก่อน และมักจะผิวคล้ำ รูปร่างไม่ดี หน้าตาไม่สวยในสายตาของคนส่วนใหญ่ ซึ่งผมจะเห็นว่าสวย มีเสน่ห์ แต่ผมไม่ได้รัก ผมไม่เคยรักและไม่รู้ว่ารักคืออะไร ผมรู้จักแต่เซ็ก มันคือการปล่อยของเหลวออกจากร่างกายโดยคนต่างเพศสองคน ใช้อวัยวะของตัวเองทำกิจกรรมบางอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจว่าทำไม หรืออะไร แค่รู้สึกก็พอ การมีเซ็กกับหญิงที่เข้ามาขอให้มีเซ็กด้วย เป็นสิ่งที่เคยเกิดกับผม และผมก็ยินดีกระทำ ผมไม่ใช่เกย์
ผมอาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง พ่ อ กับแ ม่ เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ไม่มีญาติ พี่น้อง ใดๆให้ห่วงหา อยู่กับตัวเอง ทำงานบริษัท กินเงินเดือนไปวันๆ ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่เหงาเกินพอดี แต่ก็ไม่เฮฮา กับใครเป็นพิเศษ ออกจะเป็นชีวิตที่ดูราบเรียบไม่มีอะไรหวือหวา จนคืนหนึ่ง คืนที่ผมทำเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิต
เรื่องร้ายแรงที่ว่า อาจเป็นเรื่องที่ไม่มีใครให้อภัยผมได้ และอาจต้องโดนประหารชีวิต "ฆาตรกรรมเด็กสาวอายุไม่เกิน 20 ปี ตอนเที่ยงคืน" คือสิ่งที่เกิดกับผม โดยที่ผมไม่รู้ว่าทำไปทำไม เพราะอะไร ไม่เข้าใจ แค่รู้สึก...


ณ เวลาห้าทุ่มแก่ๆ จวนเจียนเที่ยงคืน ที่ แมนชั่น สีออกตุ่นๆ สูงสิบชั้น พิกัดหน้าต่างของห้อง 901 ชั้นเก้า ถ้าคุณมองขึ้นมาจากข้างนอกจะเห็นแสงสะท้อนวาวเลนส์กล้องส่องทางไกล กล้องนี้ ขยายได้ 32 เท่า เป็นไนท์วิชั่น ที่ช่วยให้การแอบดูของ เต้ย เด็กหนุ่มกลัดมันวัยสิบหกเป็นไปได้อย่างราบรื่น ทุกคืน ช่วงเวลาประมาณ ห้าทุ่ม ถึง ตีหนึ่ง จะเป็นเวลากิจกรรม สอดแนม และ คืนนี้ก็เช่นกัน เต้ยส่อง ขึ้น ส่องลง มุมสูง จบลงที่มุมล่างซึ่งเป็นมุมที่ไม่ค่อยส่องเท่าไร เนื่องจากไม่เคยส่องแล้วเห็นอะไรที่ชวนมอง ออกจะว่างโล่ง ไร้สิ่งดึงดูด แต่คืนนี้ สิ่งที่เห็นทำให้เต้ยสะดุ้งเฮือก ร่างกระตุก ลมหายใจติดขัด หัวใจเต้นระรัว เหงื่อแตก แม้ร่างกายไม่มีอาภรณ์ใดๆ สวมใส่ขณะทำกิจกรรมละอายใจนี้ แถมห้องเปิดแอร์เย็นเฉียบ ยี่สิบองศา ด้วยเป็นลูกคนรวยจากต่างจังหวัด ถูกส่งมาเรียนที่กรุงเทพ ให้อาศัยอยู่คนเดียว ไร้คนรบกวน
ภาพที่เต้ยเห็น คือ หญิงสาว ดูจากเสื้อผ้าที่แต่ง น่าจะกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย กำลังโดนชายรูปร่างผอม ผิวขาว สวมแว่นตา เอาไม้สามหน้าฟาดที่หัวของเธอจนเธอล้มลง ชายหนุ่มผู้นั้น สวมเสื้อเชิ้ทสีน้ำเงิน ไม่ผูกเน็คไทน์ กางเกงผ้าสีดำ แต่เห็นหน้าไม่ชัดนัก เพราะแสงสว่างจากไฟริมทางไม่มากพอ หลังจากที่สาวผู้นั้นล้มลง คว่ำหน้า ชายหนุ่ม จับเอาขาของเธอแยกออกจากกัน จนล่นกระโปรงลงเผยให้เห็นถึงกางเกงชั้นในสีขาว ในใจของเต้ยคิดไปว่า นี่คงเป็นการข่มขืน มันทำให้สมองของเต้ยสับสน ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดีกับสิ่งที่เห็นผ่านสามสิบสองเท่าขยายในรูเข็มเล็กๆนี้
ใจนึงคิดอยากหาทางช่วย โทรไปแจ้งตำรวจ แต่อีกใจก็กลัวอดดูฉากสยองปนตื่นผงาดของร่างกายนี้ ทำให้เต้ยไม่อาจละสายตาออกจากรูส่องได้แม้อึดใจ พลันสิ่งที่เห็นทำให้เต้ยห่อเหี่ยวแทบจะทันที อาการเสียวสยองต่างๆหายหมดสิ้น เมื่อชายผู้นั้น เอาเท้าเหยียบที่หัวเข่าของสาวน้อยชะตาขาด ไม่สิ ต้องเรียกว่ากระทืบเท้าไม่ยั้ง นับครั้งไม่ถ้วน ทั้งสองข้างเข่า จากสีขาว เริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำปนแดง เลือดไหลออกจากเข่า และถ้ามองไม่ผิด เต้ยเห็นน้ำใสไหลออกจากหว่างขาของเธอด้วย
หลังจากภาพการกระทืบเท้าจบลง อาการหอบพักใหญ่ก็ตามมา ชายหนุ่มเอามือทั้งสองเท้าที่เข่าตัวเอง หลังงอคุ้ม อ้าปาก ผ่อนลมเข้าออกเร็วแรง แสดงความเหนื่อยออกมาอย่างเปิดเผย เพราะคงคิดว่าไม่มีคนเห็น ใช่ ก็ไม่น่าจะมีคนเห็นจริงๆ นอกจากเต้ย ที่เห็นโดยไม่ควรเห็น และเห็นจากมุมมองที่สูงขึ้นไปเก้าชั้น ห่างออกไป ประมาณ ห้าร้อยเมตร
หลังจากหอบไม่นาน ชายชุดน้ำเงินก็พลิกร่างกายที่สลบไสลของสาวชุดนักศึกษา ให้หงายหน้าขึ้น กระชากเสื้อแยกออกจากกัน กระดุมทุกเม็ดแยกออก แต่ไม่ได้ถอดออก เขาคงอดใจในความกลมกลึงของเนินอกไม่ได้ จึงเอามือทั้งสองบีบเค้นรุนแรงที่สองประทุม แล้วจึงจบลงด้วยการเอาบุหรี่ที่คาบในมุมปากตลอดการดำเนินการจี้ไปที่สายเสื้อในจนขาด และถึงเนื้อ ทำให้เนื้อส่วนนั้นไหม้ เต้ยสะอึก เขาไม่สามารถทนดูสภาพโหดร้ายขนาดนี้ได้ อาการหื่นกระหายประจำคืนหมดลงอย่างผะอืดผะอม และตัดสินใจยกเลิกกิจปฏิบัติการของคืนนี้ทันที เขารีบปิดม่าน และกระโดดผึงขึ้นเตียงนอน ห่มผ้าคลุมโปง ไม่สนใจใยดีกับเหตุและผล สำหรับพลเมืองดีอีกต่อไป... คิดแค่ว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ไปโรงเรียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น