กันยายน 30, 2549

คำแนะนำของอาวินทร์

ผมถามเกี่ยวกับทัศนคติ คนทำงานแนวศิลปะ
เช่น เขียนหนังสือ ทำเพลง วาดรูป
ต้องมีความกดดัน หรืออุปสรรค อะไรไหม
ถึงจะทำงานได้ และชมอาวินทร์ ว่าเก่ง
เพราะสามารถออกงานได้สม่ำเสมอ
ไม่ธรรมดา

คำตอบที่ได้ มีดังนี้ครับ
ตอบเมื่อ: 2006-09-30 13:54:22 -->
ผมก็ไม่แน่ใจนักว่า จริงไหมที่ศิลปินสร้างงานที่ดีได้เฉพาะใต้แรงกดดัน
หรือประสบอุปสรรคมากมาย ผมคิดว่าไม่จำเป็น อีกประการ ศิลปะ
ไม่จำเป็นต้องสะท้อนประสบการณ์เลวร้ายหรืออุปสรรคเสมอไป

http://www.winbookclub.com/talk_answer.php?id=6552

ขอบคุณมากครับ ... อาวินทร์ (สั้นแต่ได้ใจความดี)

6 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นักเขียนที่ชื่อไรเนอร์ มารีอา ริลเค
เคยเขียนไว้ในหนังสือของเขาที่ขื่อ
จดหมายถึงกวีหนุ่ม ว่า

สำหรับผู้สร้างสรรค์แล้ว ไม่มีคำว่าอัตคัตขลาดแขลน
ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนไหนก็ตาม แม้แต่ในคุก

เลยคิดอยู่ว่า อาจต้องฝึกปรือ เอานะครับ
เพราะศิลปินที่แท้จริงคงมีความรุมรวยและงดงาม
จากภายในออกมามากกว่าอาศัยแรงบันดาลใจ
จากภายนอก หรืออาศัยอุปสรรคอะไรในการทำงาน
นั้นๆออกมา

keerati กล่าวว่า...

อ้อยมักจะเขียนมันออกมาเหมือนกัน

แต่โดยมากจะเขียนลื่นตอนเจอเรื่องหนักๆ

ต้องฝึกอีกเยอะ


พี่วินทร์บอกว่า หนทางสู่การเป้นนักเขียน

ใช้ลูกอึดเท่านั้น เขียนไปทุกวันเจ้าค่ะ

**พี่หนุ่มเจ้าขา ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่แสนดีนะคะ แล้วเราค่อยคุยกันนะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เราว่าต้องมีใจรักบวกกับความตั้งใจนะ

10เดซิเบล กล่าวว่า...

สำหรับผม...การที่เราวาดรูปใครสักคนหนึ่งต้องมีความโหยหาที่จะเขียน
การที่เราเขียนจดหมายถึงใครสักคนหนึ่ง...อาจต้องเขียนเพราะมีความคิดถึงเป็นตัวตั้ง มิใช่เขียนตอบเพราะเกรงใจหรือเพราะเป็นหน้าที่
แค่คุณหิว...รสชาติอาหารก็ไม่เหมือนเดิมเวลาเสพ
คนที่เคยอกหักก็เขียนเรื่องรักแบบหนึ่ง...คนไม่เคยก็เขียนอีกแบบหนึ่ง
เรียงความถึงพ่อ จากเด็กครอบครัวแตกแยกก็แบบหนึ่ง...จากครอบครัวสมบูรณ์ก็แบบหนึ่ง
วิธีการคนเราต่างกัน...แต่ทุกคนสามารถถึงจุดหมายได้
แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าการนั่งเขียนจดหมายถึงคนห่างไกลด้วยใจคิดถึง...มันจะได้ความรู้สึกแย่กว่าเขียนไปเพราะถึงเวลาที่ต้องเขียน
เพียงเพราะว่าในจดหมายนั้น ในเวลาที่เราคิดถึงคนๆนั้นอย้างแท้จริง...เราใส่หัวใจเข้าไปในจดหมายด้วย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ตามลิงค์ไป ถึงรู้ว่าคุณหนุ่มทำเพลงด้วย
วันหลังเอามาใส่บล็อกให้ฟังบ้างสิคะ

ชอบที่ทุกคนเขียนแปะไว้ข้างบน
เหมือนเราพยายามจะทำอะไรดีๆ กันอย่างตั้งใจเลย

ส่วนตัวเรานะ
อยากเขียนสบายๆ
เหมือนพาโบล เนรูด้า ที่เคยบอกว่า ให้การทำงานเขียนมันเป็นธรรมชาติ เหมือนเรากินข้าว กินน้ำ กินทุกวันอยู่แล้ว เวลาทำงาน เราจะได้ไม่ต้องรู้สึกบีบคั้นตัวเองมาก

แต่การจะทำงานเขียนได้สบายๆ อย่างนั้น
คนทำ คงต้องผ่านโลก ผ่านชีวิตมาช่วงเวลาหนึ่งแล้วนะ ผ่านมาจนทุกอย่างอัดแน่นอยู่ข้างใน แล้วค่อยๆ ปล่อยออกมา โดยไม่รู้สึกว่ามันเหลือบ่ากว่าแรง

คือส่วนตัวรู้สึกว่า งานเขียนมันต้องเป็นอย่างนั้น เราน่าจะเบิกบานกับมันน่ะ ถ้ามันทุกข์ทรมานในการทำงานมาก ก็อย่าทำเลยดีกว่า เราว่านะ

กำลังมองว่างานเขียนของคุณหนึ่งศูนย์
น่าจะเป็นอย่างนั้น
เพราะวันๆ ทำงานได้เยอะเหลือเกิน

อ้อ เมื่อปีสองปีก่อน
เราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์โรแดง ปารีส
ได้หนังสือที่ริลเค เขียนถึงโรแดงมาเล่มนึงค่ะ
หนังสือดีมากเลย
ไว้ว่างๆ จะแปลบางตอนมาแปะที่บล็อกให้อ่านนะ

nhum กล่าวว่า...

ทำเป็นงานอดิเรกครับ เพลง
แต่ไม่กล้าเอามาโชว์มาก ตอนนี้ไม่มีไฟละ
ตอนซักเจ็ดปีก่อน ทำแบบมันส์มาก
กับเพื่อนๆ ทำจนเบื่อมันเลย
อัดสดๆกันตั้งแต่สามทุ่ม จนตีห้า
ยังไม่ผ่าน (ส่วนมากจะมือกลองอะ)
หลับในห้องซ้อม(ใช้อัด) ที่พอ
เจียดห้องใน office อุทิศให้ลูก
ติ๊งต๊องอย่างผม พาเพื่อนมาทำเพลงกันซะงั้น

แต่จริงๆ พอโตขึ้น เราก็รู้ว่า
การสร้างสรรค์นั้น ต้องเบิกบาน
ต้องมีไฟ ต้องพาว จริงๆ
อยู่ๆจะทำ มันยากครับ
ยิ่งถ้าสิ่งแวดล้อมไม่เอื้อ
เช่นกำลังจะแต่งเพลง แต่ลูกร้อง
คงแต่งไม่ออก

ผมว่าช่วงการสร้างสรรค์ของคนเราไม่เท่ากัน
คนบางคน เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์บางเวลาของชีวิต
คนบางคน เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์ทั้งชีวิต

ผมมองคนประเภทที่สองว่าเป็นฮีโร่

ผมชอบ Sonic Youth
ผมชอบ Thurston Moore

ผมจึงชอบคนที่ทำงานศิลปะทั้งหลาย
เพราะเขาเป็นในสิ่งที่ผมเป็นไม่ได้
และผมอยากจะเป็น
:)

แสดงความคิดเห็น