กันยายน 06, 2549

คนไม่มีศาสนา

นั่งคิดเรื่องศาสนาเล่นๆ ผมสงสัยว่า
ทำไมคนบางคนถึงสามารถพูดได้เต็มปาก
ว่าตัวเองไม่นับถือศาสนาอะไรเลย

ผมไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ ว่าคนเราไม่ต้องการที่พึ่ง
สำหรับคนไม่มีศาสนา หรือไม่นับถือศาสนาใด
ผมอยากรู้ว่า พวกเขามีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับความตาย
หรือแม้แต่เรื่อง ชีวิตหลังความตาย
ความกลัว ไม่ว่าจะกลัวสิ่งที่เห็นและไม่เห็น

สิ่งที่เห็น เช่น เวลาอยู่บนเครื่องบินที่ตกหลุมอากาศแบบหนักๆติดๆกัน
ถ้าคนที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย
ตอนนั้นจะคิดอะไรอยู่ในหัว
สำหรับผม ถ้าเจอแบบนั้น คงคิดถึงพระพุทธเจ้า
เพราะถ้าเกิดเครื่องบินตกไปจริงๆ อย่างน้อย
เราก็ได้ที่พึ่งทางใจ ว่าจะได้ไปที่ชอบที่ชอบ
ใช่ อาจพิสูจน์ไม่ได้
แต่ถ้าคนไม่นับถือศาสนาอะไรเลยเนี่ย
เขาจะคิดอะไร

สิ่งที่ไม่เห็น เช่น เวลานอนในห้องนอน ได้ยินเสียง
ได้กลิ่นธูป ไม่มีทางรู้เลยว่าอะไร แต่ขนลุก
กลัวผี ใช่ครับ สำหรับผม ถ้าเจอแบบนี้ คงคิดถึงพระพุทธเจ้า
และสวดมนต์ในใจ เพราะคิดว่าคงทำให้ผีกลัวและจากไป
แต่ถ้าคนไม่นับถือศาสนาอะไรเลยเนี่ย
เขาจะกลัวไหม หรือว่าไม่สนใจ
ไม่เชื่อ ไม่มี ไม่กลัว!

ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง ผมเชื่อมั่นและศรัทธาในศาสนา
ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน อาจทำชั่วบ้าง
แต่สุดท้ายก็ยังคงมีศาสนาเป็นที่พึ่งเสมอ

ผมคิดว่าเราเกิดมาในชาตินี้ (เรื่องชาติภพ ก็ต้องเป็นคนที่เชื่ออีก)
เราไม่สามารถรู้ทุกเรื่องได้
ถ้าเรื่องไหนที่เราไม่รู้
บางที ศาสนาอาจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เราสามารถอยู่ในโลกนี้ได้
ด้วยความสบายใจ
แม้ความตายอาจดูน่ากลัวสำหรับคนส่วนใหญ่
แต่คนทุกคนย่อมไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ศาสนาจึงดูเหมือนจะสำคัญมากสำหรับคนที่ไม่รู้อย่างผม
และคนอื่นๆ ที่ยังคงกลัว และมีกิเลส

(ในที่นี้ไม่เฉพาะเจาะจงศาสนาใด แต่รวมทุกศาสนา ว่าเป็นที่พึ่งของจิตใจครับ)

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอแนะนำหนังสือ "ไม่มีศาสนา"
จากเวบไซต์ http://www.whatami123.com

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอแนะนำหนังสือ "ไม่มีศาสนา"
จากเวบไซต์ www.whatami.net

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พระพุทธเจ้าต้องการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เขาจึง
1 ไม่สนใจใน ลาภ ยศ สรรเสริญ ที่เขาพึงจะได้รับ
2 ออกบวช เพราะเข้าใจว่า ต้องเป็นนักบวชเท่านั้นจึงสามารถหลุดพ้นไดั
ต่อให้พระพุทธเจ้าไม่เป็นนักบวช แต่ลดวรรณะไปเป็นพ่อค้า หรือสามัญชนทั่วไป เขาก้อได้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย ตายเกิดอยู่ดี เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้ คือการไม่หลงใหล ฝักไฝ่ในวัตถุ ลาภ ยศ สรรเสริญ ใดๆที่มีในโลกนี้ ดังจะเห็นได้จากพวกที่ไม่ใช่นักบวช ก็สามารถหลุดพ้นจาก การเวียนว่าย ตายเกิดได้ เช่น Krishna, Moses, พระเยซู เจ้าแม่กวนอิม Milarepa, Gabir, Mataji Nirmala Devi, มิตร ชัยบัญชา ฯลฯ

ต่างกับพวกเด็กกำพร้า กะเทย นางชี หรือเดนสังคมที่เข้ามาบวช เพราะปัญหาชีวิตส่วนตัว ทำให้ต้องเข้ามาอาศัยในวัด ดังนั้นพวกสมาคมโล้นขอทานที่มาบวชเพราะมีปัญหาชีวิต ซึ่งประกอบด้วย
1 โล้นกำพร้า โดนพ่อแม่ทื้ง ตั้งแต่เด็ก มีทุกวัด จนรวมหัวกันเป็นใหญ่ในวัด โดยจัดตั่้ง มหาขอทานสมาคม
2 โล้นตกงาน จบมาหลายปี หางานทำไม่ได้ เช่น ธัมมี่และเหล่าสมุน
3 โล้นกะเทย พบได้แทบทุกวัด โดยเฉพาะทางเหนือ เดิมอยากเป็นดารา นักร้อง แต่ติดที่รูปร่างหน้าตา เลยมาหาผัวในวัดดีกว่า
4 โล้นไส้แห้ง ครอบครัวยากจน หนักไม่เอา เบาสู้ พบได้ทุกวัด โดยเฉพาะทางอีสาน เช่น เณรคำ เณรแอ นิกร ยันตระ อิสระมุนี ภาวนาพุทโธ
5 นางชี ตัณหาจัด อกหักรักคุดเป็นประจำ เวลาสอนธรรมะ จะโยงปัญหาชีวิต เข้าเรื่องใต้สะดือได้หมด เช่น นางชีหัวขวด
ซากเดนพวกนี้ ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ เพราะไม่มีคุณสมบัติในข้อ 1 อย่างพระพุทธเจ้า จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่พวกสมาคมโล้นขอทานหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ยากมาก ประมาณแค่ 1 ในล้านต่อปี เท่านั้นเอง
แค่เทวดายังไม่มีสิทธ์ได้เป็น แต่ชอบวางมาดเป็นเทพ ให้พวกบัวใต้นำ้คิดว่าตนเองจะได้เป็นเทพแบบศาสดา

แสดงความคิดเห็น