เมษายน 02, 2550

ศิลปะทุกแขนงสามารถรวมตัวในการทำหนังได้

ในชีวิตหนึ่ง อ่านหนังสือมามากน้อยแค่ไหนกันเชียว
ถ้าไม่นับหนังสือที่ถูกบังคับ (ไม่อ่านก็ได้นะ) เช่น หนังสือเรียน
หนังสือที่ผมประทับใจ มีอยู่หลายเล่ม

ถ้าไม่สนใจแยกแยะประเภทหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่
ประกอบด้วยตัวหนังสือยื่บยั่บ หรือหนังสือที่ไม่มีตัวหนังสือเลย
หรือหนังสือที่มีช่องสำหรับวางรูปสวยๆ

ในชีวิตนี้ผมว่าผมมีหนังสือที่อ่านจบทั้งเล่ม เกินหลักพันเล่ม ... (จริงๆนะ)

เอาเท่าที่พอจำได้แล้วกัน เพราะเสียดายว่าในชีวิต ไม่เคยจดบันทึกว่า
ตัวเองอ่านหนังสือเล่มไหนไปแล้ว ประทับใจเล่มไหนบ้าง
แต่ถ้าให้ย้อนเวลาได้ ผมอยากทำนะ อย่างน้อย
เราก็จะได้รู้ว่า ชีวิตเรา ได้รับรู้อะไร

จำได้ดี โดราเอม่อน อ่านครั้งแรกเลย ไม่แน่ใจว่าอายุเท่าไร แต่ไม่เกิน ป.1
คิดว่าน่าจะก่อนเข้าป.1 ด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้ผมชอบอ่านการ์ตูน
และรู้จักการ์ตูนญี่ปุ่น คิดๆแล้ว หนังสือที่ทำให้เราอ่านหนังสือได้
กลายเป็นหนังสือการ์ตูน ญี่ปุ่น .. ไม่ใช่หนังสือไทย

หลังจากอ่านการ์ตูนอย่างบ้าคลั่ง (ต่อยอดจากโดราเอม่อน ก็อ่านอื่นๆด้วย)
หนังสือที่เป็นตัวหนังสือ คิดว่าน่าจะประถมต้นๆ แต่ไม่ได้เด็กมาก
เพราะหนังสือนิยายเป็นเหมือนยาขมสำหรับผมในตอนนั้น
แค่เห็นก็ล้าไปหมด ไม่มีใจจะเปิด แต่มีหนังสือชุดหนึ่งที่ผมอ่านได้
และทำให้อ่านใหญ่เลย เห็นแล้วหยิบมาอ่านเรื่อยๆ (สมัยนั้น)
ใช่ครับ พล นิกร กิมหงวน

นิยาย สั้นๆ ยาวๆ แล้วแต่ตอน ที่เนื้อหาไทยแท้ๆ แต่สนุกโคตร
เป็นหนังสือที่ทำให้ผมต่อยอดไปอ่านนิยายแปล เล่มหนาขึ้น
และเปิดโลกให้เป็นคนรักการอ่านหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือการ์ตูนอีกด้วย

จะว่าไปแล้ว ถ้า โดราเอม่อน มีบุญคุณ ในแง่ที่ทำให้ผมเป็นคนช่างอ่าน
การ์ตูน ทุกประเภท (ยกเว้นการ์ตูนตาแป๋ว ที่ผู้หญิงชอบอ่านกัน!)
พล นิกร กิมหงวน ก็มีบุญคุณ ในแง่ที่ทำให้ผมสามารถอ่านนิยาย
หรือหนังสือที่ไม่มีรูปประกอบสำเร็จ

คนบางคน (อย่างภรรยาผมเอง) เป็นคนที่อ่านการ์ตูน นี่ชอบ สบายมาก
แต่อ่านนิยายไม่ได้ เธอไม่มีจุดเปลี่ยน (Turning Point) แบบผมไง
คือผมเข้าใจ ว่าทำไมบางคนอ่านนิยาย เรื่องสั้น หรืออะไรแบบนี้ไม่ได้
เพราะเขาไม่พบจุดที่ทำให้เขาอยากอ่าน

ผมก็พยายามให้เขาลองอ่านดู แต่ก็ไม่สำเร็จ ตัวเอง ตอนนี้ยอมรับว่า
อ่านหนังสือช้ามาก และชอบอ่านไม่จบ (โดยอ้างว่า ไม่อยากให้จบ
มันสนุกจนเสียดาย เลยอ่านแค่ส่วนหนึ่ง แล้วหยุด ไม่อยากรู้ตอนจบ
เวลาที่นิยาย หรือเรื่องที่เราชอบมากๆ จบ เราจะเซ็งๆนะ ผมว่า การแก้
ก็อ่านมันแค่ส่วนหนึ่ง ที่เหลือไม่ต้องอ่าน หรือไม่ต้องอ่านจนจบ
มันก็จะไม่มีวันจบ (ซะงั้น))

ใจจริงๆ เนี่ย บางอารมณ์ อยากเป็นนักเขียน ใช่แล้ว แรงบันดาลใจคือ
พี่ปราบดา เนี่ยแหล่ะ คือผมน่ะ มีความฝันหลายอย่าง

ตอนเด็กๆ อยากเป็นนักเขียนการ์ตูน ต่อมา อยากทำเพลง ทำวงดนตรี
ทำ music complex ที่ใหญ่ๆ ให้โอกาสเด็กๆ ทำเพลง เล่นคอนเสริต
ออกอัลบั้มกัน แต่พอมาถึงยุคที่ได้ตั้งใจดูหนังขึ้น ก็พบว่ามีผู้กำกับอย่าง
พี่ต้อมเป็นเอก พี่เจ้ย อภิชาติพงศ์ ความฝันเลยมีแว้บๆ ว่าอยากเป็นผู้กำกับ
ซึ่งผมมาคิดดูแล้ว

การกำกับหนัง หรือทำหนัง คือการรวมเอาทุกอย่างที่ผมอยากเป็นไว้ในคราเดียว
ยังไงหรือ ก็คือ
1) Plot + บท เรื่องนี้ ต้องใช้ความสามารถในการเป็นนักเขียน
2) การถ่ายทำหนัง + story board (ถ้ามี) อันนี้ ใช้ความสามารถในการ
วาดภาพ คิดภาพ ศิลปะ อ้อ เรื่องการจัดฉากด้วย จัดมุมต่างๆ
3) การอัดเสียง อันนี้ใช้ความสามารถในการเป็น sound engineer ต้องรู้วิธีการ
วางไมค์ รู้ประเภท ไมค์ ว่าต้องใช้อย่างไรให้เหมาะ
4) การทำเพลงประกอบ อันนี้ใช้ความรู้ทางดนตรี
5) ตัดต่อ อันนี้ ก็ใช้ความสามารถทางศิลปะล้วนๆ + ดนตรีเหมาะสม

สรุปคือ ถ้าผมทำหนัง ผมคงไม่ได้เป็นแค่ผู้กำกับ เพราะความฝันของผม
คือการทำ 5 ข้อที่อยู่ข้างบน จริงๆ ยังมีเรื่อง special effect
การใช้ computer ในการช่วย สร้างสรรค์ผลงานอีก

ดังนั้น ผมคิดว่า ถ้าเป็นไปได้ ผมควรทำหนังจริงๆจังๆ เสียทีครับ :)

5 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ตอนนี้คุณก็เก็บตังไปก่อนละกันนะคร้าบบบ...
คุณนี่ช่างเป็นคนอ่อนไหว ช่างฝัน Sensitive สุดๆ
คิดมาก ขี้น้อยใจ...

น่ากลัวจิงๆแฮะ...

สาวก สิบเด -_-"...

nhum กล่าวว่า...

อืมมมม ... แล้วเข้ามาอ่านทำไม

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

555 ... น้อยใจในทันที ...
อย่าขี้น้อยใจนักสิคร้าบบบบบบ ... -_-"...

nhum กล่าวว่า...

คือไม่เข้าใจว่า พูดเรื่องศิลปะ แล้วมันขี้น้อยใจตรงไหนไง เหมือนสักแต่ด่านะ jsk อ่านหรือยังก็ไม่รู้ ขอกูได้ด่า ประมาณนั้นน่ะครับ ผมว่านะสำหรับสาวก jsk คนนี้ :P

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

55555 ... ศิลปะก๊าบบบบบบบ...

jsk ??? งง ...

แสดงความคิดเห็น