สิงหาคม 31, 2550

หรือเทอไม่ใช่ snare

หรือเทอไม่ใช่ snare
หรือเทอไม่ใช่ bass drum
หรือเทอไม่ใช่ hi-hat
หรือเทอไม่ใช่ ฉาบ ride
หรือเทอไม่ใช่ trampoline
หรือเทอไม่ใช่ ฉาบ crash

แล้วเทอคือ...

ไม่สนหรอก
เพราะเทอ คือ เธอ
เทอ คือ เธอ

บันทึกความฝัน

นี้วัน plus k
ครับ ใจดีสึกรู้ผม
ลอยล่องผมคิดความ
ว่าบอกอยากผม
คุณขอบ
มากสุขความมีผม
ขึ้นพลังมีผม นี้ลาเวเหมือน
ผมของฝันความทึกบันช่วยมาคุณ
ขณะชั่วไปหายขาดผมที่ ดีดีสิ่งสร้าง
ไฟกองในลงราดเมื่อ ไฟเชื้อเหมือน
:) ... ครับนี้วันมีที่ใจดีผม

10 days สินะ

ฉลองครบรอบสิบวัน
นับจากบอกความรู้สึกแรกที่เกิดในโลกเสมือน
เวลาสั้นเพียงสิบวัน สั้นจนเหมือนเข็มวินาที
ผมเหลือบไปรอบๆ มาแล้ว!

หลายครั้งเคยบอกตัวเอง
ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องคิดมาก
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก็ได้เวลาเก็บอุปกรณ์การแสดง
กลับคืนสู่โลกของตัวเอง
แต่เมื่อสิบวันที่แล้ว
ความรู้สึกเปลี่ยนไป คือเหมือนมีมือมาฉุด
ผมรู้สึกอยากสู้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องเก็บของ
ในเมื่อเวลาสนุก ยังมีคนดูที่รอคอยการกลับมาอีก
เราจะรีบออกไปทำไม

สายฝนยามเช้าที่ตกน้อยๆ ตอนผมเตรียมออกจากบ้าน
และเกือบจะหยุดสนิทตอนผมไปถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
เหมือนกำลังคุยกับผม บอกให้ผมพยายามอดทน
แม้ความเหงายังคงรายล้อม
แต่เรายังมีแสงสว่างที่เพียงเรามองเห็น
เป็นแสงสว่างจุดเล็กๆ
ที่ไม่มีความหมายใดๆ กับใคร
แต่กับผม ผมสามารถใช้เป็น guiding dot
สำหรับเดินทางในสถานที่ที่มืดสนิท...ที่เรียกว่าโลกแห่งความจริงนี้

ขอบคุณสิบวันที่ผ่านมา ในหัวของตัวเอง
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นวนลูปที่ไม่รู้จบ
Obsession!

สิงหาคม 30, 2550

จำรอยยิ้ม

จำรอยยิ้มนี้เอาไว้ให้ดี กว่าที่วันพรุ่งนี้จะมาถึง
มันอาจสายเกินไปกว่าที่จะหวนกลับมา
ความสุขเพียงเศษเสี้ยววินาที ไม่ได้มีบ่อยๆ
หลายครั้ง เกิดเพียงชั่วกระพริบตา
และไม่เกิดอีกเลย จนวันตาย

อยากบอกว่า นี่คือความสุข

สิงหาคม 28, 2550

ทำไมบางคนไม่ไปงานแต่ง แต่ฝากซอง (คิดในแง่ค่าใช้จ่าย)

เห็นว่า บางคนนิยมฝากซอง แต่ไม่ไปร่วม
เหตุผลที่น่าคิด คือ เขาอาจไม่ชอบเข้าสังคม ไปเจอคนเยอะๆ
นี่คือมองในแง่ปัจเจก แต่ถ้ามองในแง่ เศรษฐศาสตร์
จะพบว่าการ ไปงานแต่งงาน ถ้าคุณต้องไปด้วย
คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อชุด แต่งหน้า ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทาง
เสียไปหมดครับ สรุป ยังไง ไม่ไปงานแต่ฝากซองเนี่ย
คุ้มกว่าแน่!

k plus

บางครั้งคนเราไม่เข้าใจตัวเอง สิ่งที่อยู่ใกล้ บางครั้งเหมือนอยู่ไกล
แปลกที่เราไม่สามารถเข้าใจว่าทำไม ทั้งๆที่ควรรู้ด้วยตนเอง
แต่กลับต้องค้นหา ไขว่คว้า ดั้นดน เดินทางไป...เพียงเพื่อ
หาที่ปลอดภัยของหัวใจ

ถ้าสามารถย้อนเวลากลับได้
อยากถามว่าคุณอยากทำอะไรมากที่สุด

ฟังดูน่าตื่นเต้น แท้จริงๆแล้ว สุดท้าย
ไม่มีอะไรจริง

สิงหาคม 22, 2550

RE: RE: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

-----Original Message-----
From: Sedtha (New)
Sent: 22 สิงหาคม 2550 16:32
To: Nhephex
Subject: Re: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

ไม่อะ อันนั้นเรียกว่าเข้าข้างตัวเองแล้ว
ผมคิดว่า ถ้าจะแต่ง อย่างน้อยต้องผ่านมาตรฐานของตัวเอง ตัวเองต้องชอบ
ไม่ใช่บอกว่า เนี่ย ออกมาจากประสบการณ์ แล้วทุกอย่างจะดีไปหมด
(แม้แต่แค่ในสายตาของตัวเอง) เคยป่าว แต่งเพลงออกมา
โคตรจะออกมาจากความจริงใจเลยนะ แต่ตัวเองฟังเอง ยังบอกเลยว่า ไม่ดีอะ ห่วยอะ
แต่งใหม่ดีกว่า

ส่วนประเด็นว่าคนอื่นจะคิดยังไงเนี่ย อันนี้ไม่ควรเอามาคิดเลยด้วยซ้ำ
(ยกเว้นกะเอาตังค์หรือการยอมรับ)

สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ ไม่ใช่ว่า ต้องแคร์คนอื่น
แต่ผมต้องการจะบอกว่า แม้แต่แต่งเพื่อ descript ความรู้สึกของเราเอง
มันก็ต้องใช้ skill ด้วย

พี่อาจจะฟังทุกเพลงที่พี่แต่ง แล้วบอกว่าเพราะได้หมด
แต่ผมทำไม่ได้อะ ถ้ามันไม่เพราะจริงๆ ก็ต้องบอกว่า เออ ไม่ดีว่ะ
แม้ว่าจะมีความหลังกับมันแค่ไหนก็เหอะ

RE: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

ก็มันรับรุ้ด้วยตนเองไง ห่วยไม่ห่วยไม่สำคัญหรอก
แต่สิ่งสำคัญ เรารู้
ถ้าโชคดี มีคนยอมรับได้ มันก็ดีไป
คือดีไม่ดี ในแง่คนอื่นน่ะ มันเป็นเรื่องที่พูดได้อยู่แล้ว
เพราะมีบรรทัดฐาน
แต่ดีไม่ดี ในแง่ตัวเราน่ะ มันรู้ที่ตัวเองอะ
ไม่จำเป็นต้องให้ใครยอมรักก็ได้นะ จริงป่าว :P

-----Original Message-----
From: Sedtha Jittiarunchai [mailto:sedtha@tnis.com]
Sent: 22 สิงหาคม 2550 16:19
To: Paradorn Suksingha
Subject: Re: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

เพลงต้องแต่งด้วยหัวใจ
แต่ skill และทฤษฏีดนตรีต่างๆ ทำให้สามารถสื่อสิ่งที่คิดออกไป ได้ดีกว่าเดิม

ถ้ามีแต่ทฤษฏี แต่ไม่มีเรื่องราว เพลงย่อมไม่มีวิญญาณ

ถ้ามีแต่งเรื่องราว แต่ไม่มี skill และทฤษฏีดนตรีต่างๆ ก็เท่ากับว่า มี
vocabulary จำกัด การสื่ออารมณ์ออกไป ย่อมทำได้จำกัดจำเขี่ยตามไปด้วย...
สุดท้าย อาจจะไม่สามารถสื่อได้ แม้แต่กับตัวเอง

เหมือนจะบอกว่า ฉันรักเธอ แต่รู้คำอยู่ไม่กี่คำ ก็อาจจะพูดออกมาเป็น
กูรักมึง
ฉันลุ่มหลงเอ็ง
ตรูพิศวาสท่าน
ถามว่า มันจะถ่ายอารมณ์ตรงนั้นออกมาได้ไหมเนี่ย ถึงจะเต็มไปด้วยเรื่องราวก็เหอะ

การเลือก chord progression เลือก voicing เลือก arranging เลือก harmony เลือก
groove แบบต่างๆ มีเพื่อ support การถ่ายทอดสิ่งที่ศิลปินคิด ดังนั้น
ถ้าพอเข้าใจเรื่องนี้ ไม่ต้องป๋าเท่า Dream Theater ก็ทำเพลงดีๆ ได้

ถ้ามองในส่วนของการแต่งเนื้อเพลง มันก็มีทฤษฏีของมันอยู่
เพราะถ้าเรื่องราวดีแค่ไหน แต่วิธีถ่ายทอดไม่เอาอ่าว มันก็เข้าอีหรอบเดิม
เช่น ฉันรักเธอ แล้วก็ร้องแค่เนี้ย ทั้งเพลง ไม่มีอธิบาย ไม่มีเนื้อหามากขึ้น
ถามว่า ร้อง 10 รอบ ต่างกับร้องรอบเดียวตรงไหน

----- Original Message -----
From: "Paradorn Suksingha" <paradorn@tnis.com>
To: "'Sedtha Jittiarunchai'" <sedtha@tnis.com>
Sent: Wednesday, August 22, 2007 1:33 PM
Subject: FW: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์


>
>
> -----Original Message-----
> From: Paradorn Suksingha [mailto:paradorn@tnis.com]
> Sent: 22 สิงหาคม 2550 13:33
> To: 'nhephex.emailpost@blogger.com'
> Subject: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์
>
> ผมรู้สึกว่าการทำงานสร้างสรรค์ เช่น การเขียนเพลง
> สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ความไพเราะ หรือเมโลดี้ที่สวยงาม
> แต่มันคือความทรงจำในเพลงๆนั้น ของผู้ที่แต่ง
> การที่เราจะรู้สึกอิน กับการเล่นหรือร้องเพลงซักเพลง
> ใช่มาจากความซาบซึ้งที่ได้รับจากตัวเมโลดี้ หรือทำนอง
> แต่มันคือความหมายที่ซ่อนอยู่ในเพลงนั้น (อาจจะซ่อนหรือไม่ซ่อน
> อันนี้แล้วแต่เทคนิคของนักแต่งเพลงแต่ละคน)
> ยกตัวอย่าง ความรู้สึกรักใครซักคน ทำให้เรามีแรงในการเขียน
> เพลงออกมาหนึ่งเพลง ในเพลงนั้น เวลาที่เราร้อง หรือฟัง
> สิ่งที่ได้แน่ๆ ไม่มีทางเปลี่ยนไปตามกาลเวลาก็คือ
> เรารู้ว่าเรากำลังพูดหรือร้องอะไร ต้องการสื่ออะไร
> อารมณ์ที่ขับออกมาในเพลงนั้น จะเป็นอารมณ์ที่เราเข้าใจ
> และอินกับมันได้อย่างถึงที่สุด
>
> แน่นอนว่า การคิดแบบนี้เป็นการคิดแบบ Input คือ
> มองเพียงขาเข้าไปในระบบ แต่ในแง่ของ Output
> มันอาจไม่สามารถรองรับอารมณ์คนส่วนใหญ่
> หรือคนที่รับเอาสิ่งที่เราสื่อสารออกมาได้ เป็นไปได้
> มันอาจโดนใจคนบางกลุ่ม หรือคนกลุ่มใหญ่ๆ
> ปัญหาคือ.. เราจำเป็นด้วยหรือครับ ที่ต้องไปสนใจ
>
> ในเพลงหนึ่ง เรามีเนื้อหาว่า "ดวงตาที่เธอมองมา
> คือสิ่งสุดท้ายในโลกนี้ที่ฉันต้องการครอบครองก่อนจากไป"
> มันอาจมีความหมายกับเรา ถึงเธอผู้เราแต่ให้
> หรือ ในแง่ของคนหมู่มาก เนื้อหานี้อาจไปกระทบอารมณ์คน
> ที่มีความรู้สึกกับใครซักคน ในรูปแบบที่ละม้ายคล้ายกัน
> เพียงแต่ไม่เป๊ะๆ เขาอาจยึดเป็นอารมณ์ของเขา
> เวลาฟังเพลงเราแล้วอิน
>
> ซึ่งอันนั้นเป็นสิ่งที่เราควรยินดี แต่ไม่ใช่มุ่งหวัง
>
> ศิลปินอิสระที่ทำเพลงเพื่อตัวเอง และคิดหมกมุ่นกับอารมณ์
> ซึ่งตัวตนเป็นผู้กำหนดเพื่อระบายออกมาให้โลกนี้ ควรได้รับการสรรเสริญ
> กว่าศิลปินอิสระที่ทำเพลงแบบคิดเผื่อคนอื่นๆ โดยไม่มีเรื่องราว
> ที่ซ่อนเร้น ความทรงจำ หรือเนื้อหาที่ประทับใจใดๆในหัว
> เมื่อวันหนึ่งข้างหน้า เขาย้อนกลับมาฟังเพลงของเขา
> เขาอาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแต่งไปทำไม ... เพราะมันไม่ความหมายอะไรเลย..
>

ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

ผมรู้สึกว่าการทำงานสร้างสรรค์ เช่น การเขียนเพลง
สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ความไพเราะ หรือเมโลดี้ที่สวยงาม
แต่มันคือความทรงจำในเพลงๆนั้น ของผู้ที่แต่ง
การที่เราจะรู้สึกอิน กับการเล่นหรือร้องเพลงซักเพลง
ใช่มาจากความซาบซึ้งที่ได้รับจากตัวเมโลดี้ หรือทำนอง
แต่มันคือความหมายที่ซ่อนอยู่ในเพลงนั้น (อาจจะซ่อนหรือไม่ซ่อน
อันนี้แล้วแต่เทคนิคของนักแต่งเพลงแต่ละคน)
ยกตัวอย่าง ความรู้สึกรักใครซักคน ทำให้เรามีแรงในการเขียน
เพลงออกมาหนึ่งเพลง ในเพลงนั้น เวลาที่เราร้อง หรือฟัง
สิ่งที่ได้แน่ๆ ไม่มีทางเปลี่ยนไปตามกาลเวลาก็คือ
เรารู้ว่าเรากำลังพูดหรือร้องอะไร ต้องการสื่ออะไร
อารมณ์ที่ขับออกมาในเพลงนั้น จะเป็นอารมณ์ที่เราเข้าใจ
และอินกับมันได้อย่างถึงที่สุด

แน่นอนว่า การคิดแบบนี้เป็นการคิดแบบ Input คือ
มองเพียงขาเข้าไปในระบบ แต่ในแง่ของ Output
มันอาจไม่สามารถรองรับอารมณ์คนส่วนใหญ่
หรือคนที่รับเอาสิ่งที่เราสื่อสารออกมาได้ เป็นไปได้
มันอาจโดนใจคนบางกลุ่ม หรือคนกลุ่มใหญ่ๆ
ปัญหาคือ.. เราจำเป็นด้วยหรือครับ ที่ต้องไปสนใจ

ในเพลงหนึ่ง เรามีเนื้อหาว่า "ดวงตาที่เธอมองมา
คือสิ่งสุดท้ายในโลกนี้ที่ฉันต้องการครอบครองก่อนจากไป"
มันอาจมีความหมายกับเรา ถึงเธอผู้เราแต่ให้
หรือ ในแง่ของคนหมู่มาก เนื้อหานี้อาจไปกระทบอารมณ์คน
ที่มีความรู้สึกกับใครซักคน ในรูปแบบที่ละม้ายคล้ายกัน
เพียงแต่ไม่เป๊ะๆ เขาอาจยึดเป็นอารมณ์ของเขา
เวลาฟังเพลงเราแล้วอิน

ซึ่งอันนั้นเป็นสิ่งที่เราควรยินดี แต่ไม่ใช่มุ่งหวัง

ศิลปินอิสระที่ทำเพลงเพื่อตัวเอง และคิดหมกมุ่นกับอารมณ์
ซึ่งตัวตนเป็นผู้กำหนดเพื่อระบายออกมาให้โลกนี้ ควรได้รับการสรรเสริญ
กว่าศิลปินอิสระที่ทำเพลงแบบคิดเผื่อคนอื่นๆ โดยไม่มีเรื่องราว
ที่ซ่อนเร้น ความทรงจำ หรือเนื้อหาที่ประทับใจใดๆในหัว
เมื่อวันหนึ่งข้างหน้า เขาย้อนกลับมาฟังเพลงของเขา
เขาอาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแต่งไปทำไม ... เพราะมันไม่ความหมายอะไรเลย..

PINK

Color ชมพู...

ดอกไม้ สีชมพู ไม่แน่ชัด
ดอกที่ว่า ดอกอะไร
แต่สีชมพู ทำให้รู้สึกว่าแจ่มใส
สดชื่นรื่นเริงใจ มีพลังก้าวต่อไป

ขอบคุณความหวังที่มี
ขอบคุณความหวังที่เป็น

ผมมองที่มูลี่ เห็นตึกสูง ตระหง่าน...
ฝนไม่ได้ตก...

สิงหาคม 21, 2550

วงกลม วงกรรม

วงกลม วงกรรม
กงกรรม กงเกวียน

สงสัยอยู่ ว่าทำไมคนเราต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ที่ใดมีจุดจบ..แสดงว่ามีจุดเริ่มต้น
แล้วจุดเริ่มต้นของ "ชีวิต" อยู่ที่ไหน

ผมเปรียบเทียบชีวิตคนเรากับวงกลม

ผมคิดว่า มนุษย์เรา เริ่มต้นจากจุด (dot) เล็กมากๆ
อันนี้ขอหมายรวมไปถึงจักรวาลด้วย

เมื่อเวลาผ่านไป มนุษย์ทำกรรม เส้นก็จะลากวน
กว้างออกไปเรื่อยๆ ยิ่งทำกรรมมาก วงก็ยิ่งขยาย
การเกิดใหม่ คือการเริ่มต้นใหม่ของวงกลม
ยิ่งทำกรรมมาก วงกลมก็จะยิ่งกว้างออก ขยายออก
จะหลุดพ้นได้ ก็ต้องให้จุดนั้นเล็กลงเรื่อยๆจนสลายไป
การจะให้จุดเล็กลง ต้องเพ่งศีล สมาธิ ปัญญา
ทำให้นิ่งลง ไม่แกว่ง
วงก็จะแคบลงๆ
จนกลายเป็นจุด และจุดก็กลายเป็นไม่มีจุด... "สุญตา"

หรือเข้าสู่การไม่มีเหตุแห่งทุกข์อีกต่อไป...
นิพพาน

เสียงสัญญาณของหัวใจ

นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้
คงเป็นเพราะ ความจริงที่ว่า
คนที่มีอะไรพิเศษสามารถสื่ออะไรบางอย่าง
มันไม่ใช่ความสวยงาม หรือความงดงาม
แต่มันคือความสุขที่ได้รับรู้ว่ามีอยู่

ไม่จำเป็นต้องคิดไกล
ไม่จำเป็นต้องได้รับการตอบกลับ
แต่สายตาประสานกัน กำหนดขอบเขตให้กับ..
อาจจะเรียกได้ว่าความฝัน

สายลมพัดในหน้าร้อนช่วงนี้
มีความเย็นสอดแทรกอยู่เป็นระยะ
ความเย็นในที่นี้ ใช่เพียงความเย็นทางกาย
แต่บางครั้ง มีความเย็นทางใจ

บอกใบ้กับเราว่า
"เรามีความหวังในการดำรงอยู่..ในที่ที่เคยแห้งแล้งนี้"

สิงหาคม 09, 2550

เปลี่ยนสายกีตาร์

ช่วงนี้หลายคนคงคิดว่าผมหายไปนาน
คืออยู่ที่ทำงานแล้วไม่มีเวลาเลยครับ
ปกติจะ up blog ตอนว่างๆน่ะ ช่วงนี้มีคนมาให้ทำอะไรต่อมิอะไรเรื่อยๆ
ก็เลยไม่มีเวลาคิดเรื่องจะเขียน งั้นเล่าไรเล่นๆ
เหมือนทักทายเพื่อนๆก้อแล้วกัน

เมื่อวานกลับบ้านไม่ช้ามากเลยแวะไปซื้อสายกีตาร์ใหม่
สำหรับเตรียมอัดเพลง ที่ฟอร์จูน แล้วก็หาซื้อ mp3 กับกระดาษซับหน้า

ซื้อสายร้านที่ขายกีตาร์ ตก หกสาย สองร้อยกว่าๆ ...

ยังไม่ได้ลองใส่เลย คงเป็นวันนี้ครับ
เพราะตอนถอดสาย ดันทันตัวรองสาย (พลาสติก) แตก
แล้วก็คอรองสาย ก็สึก ต้องลองไปเดินหาตัวใหม่เย็นนี้อีกทีน่ะครับ