เมื่อวันที่ สิบสาม ที่ผ่านมา คุณยายจากไปอย่างสงบ ผมลางานเพื่อกลับไปร่วม+ช่วย
งานศพคุณยาย
กระชายโทรมาเรื่องเอา CD ที่ยืมไปมาคืน ขณะที่ผมอยู่ที่วัด
ความทรงจำเกี่ยวกับคุณยายคือ เลี้ยงผมมาตั้งแต่ผมเกิด (เพราะช่วงแรกแม่ต้องทำ
งานทำให้ไม่สามารถเลี้ยงได้)
บรรทัดฐานของความเชื่อในพระพุทธเจ้า มาจากคุณยายโดยแท้
เพราะนิทานธรรมะหลายเรื่อง หรือ ประสบการณ์ตอนไปขึ้นเขาคิชกูฏ ยังคงวนเวียนใน
หัว
ตอนเด็ก จำได้เคยโมโหคุณยายแล้วฉีกการ์ตูนขายหัวเราะ (เล่มใหญ่ในอดีต) ขาด
มาสำนึกเสียใจตอนหลัง ทำให้ช่วงเด็กจะเป็นคนขี้เสียดาย และไม่ทิ้งอะไรง่ายๆ
ถ้าจำเป็นจะทิ้งอะไรจริงๆ แบบมันต้องไปแล้วนะ ก็จะนึกในใจ คล้ายสวดมนต์
"ไปดีมาดีนะ" เป็นการอวยพร ของที่กำลังจะทิ้งลงถังขยะ
ก่อนโรงศพจะเข้าสู่เมรุ ผมเอามือตบที่โรงเบาๆ และอวยพรให้คุณยายไปสู่สวรรค์
แม่กับน้าน้ำตาไหล พี่สาวก็เหมือนกัน ผมไม่กล้ามองหน้าพวกเขา เพราะผมไม่ได้
ร้องไห้
ไม่ใช่เพราะไม่อาลัยรัก แต่ผมไม่อยากร้องไห้... เพราะตั้งแต่เด็กจนทุกวันนี้
คุณยายของผมอยู่กับผมตลอดเวลา ... ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ไปเรียนเมืองนอก หรือ
ทำอะไร
การจากไปของคุณยายจึงเป็นสิ่งที่ผมสบายใจ เพราะท่านไม่ได้เจ็บปวดทรมาน และผมก็
รู้เสมอว่า
สักวันหนึ่ง...
ชีวิต....
ก็ต้องเป็นแบบนั้น
การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งธรรมดา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ
นอกจากเราจะค้นพบ วิธีที่ทำให้ ไม่มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย อีก
หลายคนคงกลัวสภาวะ ไม่มีตัวตน ที่ว่า
หลายคนคงอยากกลับมา เพราะยังมีอาลัย มีสัญญา กับการกลับมา
และมันก็เป็นวงกลม.. ถ้าอยากออกจากวงกลม.. ถ้าอยากนะ .. ต้องอยากด้วย
ไม่ใช่เรื่องง่าย ในการจะออกจากวงกลม แต่ก็ใช่ว่าทุกคนอยากจะออกจากวงกลม
"นอนหลับฝันดีครับ"
ชีวิตคือฝัน ตื่นเมื่อหมดลม และฝันต่อเมื่อกลับมาเกิดใหม่ .... เราเวียนวนอยู่
ในฝัน
1 ความคิดเห็น:
ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน
ขอแสดงความเสียใจไว้ ณ.โอกาศนี้
แสดงความคิดเห็น