พฤศจิกายน 21, 2550

ความเงียบเหงาของความทรงจำในการเดินทางสู่สายหมอกแห่งความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

เสียงนาฬิกาบอกเวลา ดังติ๊กตอก ทำให้ผมมีความรู้สึกหนักใจ หนักใจในที่นี้ไม่ใช่ความหนักใจในการฟังเสียง แต่เป็นความหนักใจในการเดินตามความฝันที่ไม่เคยเป็นจริง..ไม่เคยหรือไม่มีวัน น้ำตาบอกความหมายอะไรกับเราได้บ้าง มันคือความเสียใจ ความดีใจ หรือความปลื้มปิติ ผมไม่สามารถบอกว่าทำไมตอนนี้มีน้ำตาไหลเอื่อยคลอในลำธารแห่งหัวใจ หัวใจที่บอบช้ำไปด้วยความผิดหวัง ความสมหวัง และความทุกข์ทรมานในสิ่งที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าคืออะไร คงเป็นสิ่งที่เหนือความคิด ความเข้าใจ เพียงเสียงนาฬิกาเท่านั้นที่อยู่ในหูเวลานี้ เสียงนาฬิกาเรือนโบราณจากร้านขายของเก่าในตลาดเจเจ วันเสาร์อาทิตย์ ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าอายุอานามเท่าใด หรือว่าผมคิดมากไป

เมื่อเราเดินทางไปในถนนที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกแห่งความเศร้า ยากนักที่เราจะมองเห็นเส้นทางอย่างกระจ่างชัด ไม่ว่าจะมีสิ่งใดอยู่ข้างทาง เราย่อมรู้ดีว่ามันไม่มีทางแน่ชัด บางที เราอาจมองเห็นหัวใจตัวเองได้ชัดกว่าสิ่งที่อยู่บนถนนที่เรากำลังเดินทางนี้ด้วยซ้ำไป บางที เป็นหัวใจเราเองหรือเปล่าหนอ ที่ทำให้มองไม่เห็นสิ่งต่างๆเหล่านั้น

ผมคงหลับตาได้ไม่สนิท เมื่อต้องรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ บางที สติ เป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าไร้สติ บางที ไร้สติ สอนให้เราไม่รับรู้สิ่งต่างๆ บางที สติทำให้เรารู้ตื่น รู้เบิกบาน แต่เราต้องการตื่น หรือเบิกบานจริงๆหรือ เราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิตอันเต็มไปด้วยสายหมอกแห่งความฝัน

มันคือความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น