สิงหาคม 22, 2550

RE: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

ก็มันรับรุ้ด้วยตนเองไง ห่วยไม่ห่วยไม่สำคัญหรอก
แต่สิ่งสำคัญ เรารู้
ถ้าโชคดี มีคนยอมรับได้ มันก็ดีไป
คือดีไม่ดี ในแง่คนอื่นน่ะ มันเป็นเรื่องที่พูดได้อยู่แล้ว
เพราะมีบรรทัดฐาน
แต่ดีไม่ดี ในแง่ตัวเราน่ะ มันรู้ที่ตัวเองอะ
ไม่จำเป็นต้องให้ใครยอมรักก็ได้นะ จริงป่าว :P

-----Original Message-----
From: Sedtha Jittiarunchai [mailto:sedtha@tnis.com]
Sent: 22 สิงหาคม 2550 16:19
To: Paradorn Suksingha
Subject: Re: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์

เพลงต้องแต่งด้วยหัวใจ
แต่ skill และทฤษฏีดนตรีต่างๆ ทำให้สามารถสื่อสิ่งที่คิดออกไป ได้ดีกว่าเดิม

ถ้ามีแต่ทฤษฏี แต่ไม่มีเรื่องราว เพลงย่อมไม่มีวิญญาณ

ถ้ามีแต่งเรื่องราว แต่ไม่มี skill และทฤษฏีดนตรีต่างๆ ก็เท่ากับว่า มี
vocabulary จำกัด การสื่ออารมณ์ออกไป ย่อมทำได้จำกัดจำเขี่ยตามไปด้วย...
สุดท้าย อาจจะไม่สามารถสื่อได้ แม้แต่กับตัวเอง

เหมือนจะบอกว่า ฉันรักเธอ แต่รู้คำอยู่ไม่กี่คำ ก็อาจจะพูดออกมาเป็น
กูรักมึง
ฉันลุ่มหลงเอ็ง
ตรูพิศวาสท่าน
ถามว่า มันจะถ่ายอารมณ์ตรงนั้นออกมาได้ไหมเนี่ย ถึงจะเต็มไปด้วยเรื่องราวก็เหอะ

การเลือก chord progression เลือก voicing เลือก arranging เลือก harmony เลือก
groove แบบต่างๆ มีเพื่อ support การถ่ายทอดสิ่งที่ศิลปินคิด ดังนั้น
ถ้าพอเข้าใจเรื่องนี้ ไม่ต้องป๋าเท่า Dream Theater ก็ทำเพลงดีๆ ได้

ถ้ามองในส่วนของการแต่งเนื้อเพลง มันก็มีทฤษฏีของมันอยู่
เพราะถ้าเรื่องราวดีแค่ไหน แต่วิธีถ่ายทอดไม่เอาอ่าว มันก็เข้าอีหรอบเดิม
เช่น ฉันรักเธอ แล้วก็ร้องแค่เนี้ย ทั้งเพลง ไม่มีอธิบาย ไม่มีเนื้อหามากขึ้น
ถามว่า ร้อง 10 รอบ ต่างกับร้องรอบเดียวตรงไหน

----- Original Message -----
From: "Paradorn Suksingha" <paradorn@tnis.com>
To: "'Sedtha Jittiarunchai'" <sedtha@tnis.com>
Sent: Wednesday, August 22, 2007 1:33 PM
Subject: FW: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์


>
>
> -----Original Message-----
> From: Paradorn Suksingha [mailto:paradorn@tnis.com]
> Sent: 22 สิงหาคม 2550 13:33
> To: 'nhephex.emailpost@blogger.com'
> Subject: ความทรงจำกับการสร้างสรรค์
>
> ผมรู้สึกว่าการทำงานสร้างสรรค์ เช่น การเขียนเพลง
> สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่ความไพเราะ หรือเมโลดี้ที่สวยงาม
> แต่มันคือความทรงจำในเพลงๆนั้น ของผู้ที่แต่ง
> การที่เราจะรู้สึกอิน กับการเล่นหรือร้องเพลงซักเพลง
> ใช่มาจากความซาบซึ้งที่ได้รับจากตัวเมโลดี้ หรือทำนอง
> แต่มันคือความหมายที่ซ่อนอยู่ในเพลงนั้น (อาจจะซ่อนหรือไม่ซ่อน
> อันนี้แล้วแต่เทคนิคของนักแต่งเพลงแต่ละคน)
> ยกตัวอย่าง ความรู้สึกรักใครซักคน ทำให้เรามีแรงในการเขียน
> เพลงออกมาหนึ่งเพลง ในเพลงนั้น เวลาที่เราร้อง หรือฟัง
> สิ่งที่ได้แน่ๆ ไม่มีทางเปลี่ยนไปตามกาลเวลาก็คือ
> เรารู้ว่าเรากำลังพูดหรือร้องอะไร ต้องการสื่ออะไร
> อารมณ์ที่ขับออกมาในเพลงนั้น จะเป็นอารมณ์ที่เราเข้าใจ
> และอินกับมันได้อย่างถึงที่สุด
>
> แน่นอนว่า การคิดแบบนี้เป็นการคิดแบบ Input คือ
> มองเพียงขาเข้าไปในระบบ แต่ในแง่ของ Output
> มันอาจไม่สามารถรองรับอารมณ์คนส่วนใหญ่
> หรือคนที่รับเอาสิ่งที่เราสื่อสารออกมาได้ เป็นไปได้
> มันอาจโดนใจคนบางกลุ่ม หรือคนกลุ่มใหญ่ๆ
> ปัญหาคือ.. เราจำเป็นด้วยหรือครับ ที่ต้องไปสนใจ
>
> ในเพลงหนึ่ง เรามีเนื้อหาว่า "ดวงตาที่เธอมองมา
> คือสิ่งสุดท้ายในโลกนี้ที่ฉันต้องการครอบครองก่อนจากไป"
> มันอาจมีความหมายกับเรา ถึงเธอผู้เราแต่ให้
> หรือ ในแง่ของคนหมู่มาก เนื้อหานี้อาจไปกระทบอารมณ์คน
> ที่มีความรู้สึกกับใครซักคน ในรูปแบบที่ละม้ายคล้ายกัน
> เพียงแต่ไม่เป๊ะๆ เขาอาจยึดเป็นอารมณ์ของเขา
> เวลาฟังเพลงเราแล้วอิน
>
> ซึ่งอันนั้นเป็นสิ่งที่เราควรยินดี แต่ไม่ใช่มุ่งหวัง
>
> ศิลปินอิสระที่ทำเพลงเพื่อตัวเอง และคิดหมกมุ่นกับอารมณ์
> ซึ่งตัวตนเป็นผู้กำหนดเพื่อระบายออกมาให้โลกนี้ ควรได้รับการสรรเสริญ
> กว่าศิลปินอิสระที่ทำเพลงแบบคิดเผื่อคนอื่นๆ โดยไม่มีเรื่องราว
> ที่ซ่อนเร้น ความทรงจำ หรือเนื้อหาที่ประทับใจใดๆในหัว
> เมื่อวันหนึ่งข้างหน้า เขาย้อนกลับมาฟังเพลงของเขา
> เขาอาจจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแต่งไปทำไม ... เพราะมันไม่ความหมายอะไรเลย..
>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น